กรุงเทพฯ 15 ต.ค. – การนิคมอุตสาหกรรมฯ ระบุการเมืองไม่กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนต่อประเทศไทย ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ที่กระทบภาคอุตสาหกรรมผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คาดหลังไตรมาส 3 ปีหน้า น่าจะดีขึ้น
นายอัฐพล จิรวัฒน์จรรยา รองผู้ว่าการสายงานยุทธศาสตร์และพัฒนาการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันที่รัฐบาลมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ว่า เรื่องดังกล่าวในแง่ของนักลงทุนในประเทศไทย ต่างเคยผ่านเหตุการณ์สําคัญทางการเมืองในประเทศไทยมาก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งการปฏิวัติและเหตุการณ์สำคัญ ๆ มา แล้ว สุดท้ายนักลงทุนก็พบว่า ไม่ได้มีผลกระทบต่อนักลงทุนมากนัก ทาง กนอ.จึงเชื่อว่า นักลงทุนต่างชาติยังคงมีความเชื่อมั่นในประเทศไทย และการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ก็เป็นเพียงแค่สถานการณ์ระยะสั้นเท่านั้น อีกทั้งรัฐบาลก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีอยู่แล้ว อีกทั้งไม่มีผลต่อนโยบายหลักด้านต่าง ๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะนโยบายส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี ซึ่งกนอ.ได้เตรียมการสร้างนิคมอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมารองรับการลงทุน พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ 5G รองรับ ซึ่งการนิคมฯ เองก็มีการลงทุนปรับด้านเทคโนโลยีของกนอ.เองเช่นกัน เพราะกนอ.ต้องการเห็นองค์กรขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยี 5G
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมโดยรวมนั้น ผลกระทบได้ผ่านจุดต่ำสุดมาไปแล้วในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ประมาณเดือน มิ.ย.-ก.ค.ที่ผ่านมา และโดยภาพรวมก็เริ่มค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น จึงเชื่อว่า ภายในปีหน้า ปี 2564 ช่วงหลังไตรมาส 3 ปีนี้ ภาคอุตสาหกรรมในประเทศโดยรวมก็น่าจะดีขึ้น เพราะสถานการณ์ในปีนี้หลังผ่านมา 3 ไตรมาสแล้ว หลายอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัวและมีการปรับตัวดีขึ้น แต่ยังไม่เต็ม 100 เหมือนช่วงก่อนโควิด-19 สังเกตได้จากมีการใช้สาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมที่เริ่มเพิ่มขึ้น
ด้านกระแสลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมเดิม มีการทยอยลงทุนด้านเทคโนโลยีมากขึ้น นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยอันดับหนึ่งยังคงเป็นกลุ่มนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ขณะที่นักลงทุนประเทศจีน ก็เริ่มเข้ามาลงทุนมากขึ้นโดยภาคตะวันออก ยังคงเป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมเข้ามาลงทุนมากที่สุดอยู่ เพราะนอกจากมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีมากแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลส่งเสริมอีอีซี ดังจะเห็นจากการที่ภาคเอกชนมีการลงทุนตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับกระแสการเข้ามาลงทุน แม้ว่ายังคงมีโควิด-19 อยู่ ซึ่งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีการลงทุนตั้งนิคมใหม่ 2-3 แห่ง และภายใน 2 ปีข้างหน้าจะเกิดการลงทุนไม่ต่ำกว่า 80,000 ล้านบาท ประเมินว่า น่าจะเกิดการจ้างงานประมาณ 50,000 คน ภาพรวมการลงทุนสะสมทั้งหมดในภาคตะวันออกปัจจุบันมียอดรวมประมาณ 1 ล้านล้านบาทแล้ว เฉพาะในนิคมอุตสาหกรรม และมีการจ้างงานแล้วไม่ต่ำกว่า 300,000 คน
ขณะที่การลงทุนส่วนใหญ่ยังเป็นการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเดิม ส่วนอุตสาหกรรมใหม่ต้องรออีกสักระยะหนึ่ง ขณะนี้มีการขับเคลื่อนเทคโนโลยี 5G ซึ่งผู้ได้รับสัมปทานเป็นผู้ลงทุน ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องจับตามองคือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐและสงครามการค้า.-สำนักข่าวไทย