กรุงเทพฯ 1 ต.ค. – เอกชนเสนอรัฐเสริมแกร่งดึงลงทุนอีอีซี ด้วยการแก้ไขปัญหาน้ำให้มั่นคงลดเสี่ยงจากภัยแล้ง เพิ่มสิทธิประโยชน์แข่งขันกับเวียดนาม GC วางแผนลงทุนเพิ่ม 3 โครงการยักษ์มาตามนัดพร้อมผลิตไตรมาส 4/63
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า GC ยังคงแผนเดินหน้าลงทุนในอีอีซี แม้จะเกิดปัญหาโควิด-19 โดยยังคงแผนศึกษาร่วมทุนเม็ดพลาสติกมูลค่าเพิ่มสูงวงเงิน 30,000-40,000 ล้านบาทใน 3 ปีข้างหน้า หลังจากลงทุนในอีอีซีประมาณ100,000 ล้านบาท และ 3 โครงการหลักทยอยเสร็จเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ไตรมา 4/2563
อย่างไรก็ตาม ในฐานะ GC ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในอีอีซีก็ต้องการเห็นรัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องน้ำระยะยาวรวมถึงการจัดหาที่ดินภาคอุตสาหกรรม เพราะขณะนี้พื้นที่เต็มและค่าเช่านิคมอุตสาหกรรมมีราคาสูง โดยเรื่องนี้จะนำเสนอต่อนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานต่อไป
“โครงการหลัก 3 โครงการในอีอีซี แม้ล้าช้าไป 2 เดือน จากผู้เชี่ยวชาญเดินทางไม่ได้ช่วงล็อกดาวน์โควิด-19 แต่ขณะนี้โครงการทยอยเสร็จ และจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4/63 โครงการ ORP เริ่มคอมมิชชั่นนิ่งทดสอบเดินเครื่อง โครงการ PO สตาร์ทแล้ว โครงการโพลิอลล์ ผลิตได้ของแล้ว ส่วนโครงการใหม่ในไปป์ไลน์ก็เดินหน้าหารือศึกษาร่วมทุน ทำให้อย่างน้อยจ้างพนักงานใหม่ 300-400 คน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้จากโครงการใหม่ที่เกิดขึ้น” นายคงกระพัน กล่าว
ทั้งนี้ GC มีการขยายธุรกิจเพื่อต่อยอดโครงการลงทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีการลงทุนในโครงการหลักที่ตอบสนองนโยบาย New S-Curve ของภาครัฐ โดย 3 โครงการหลักพร้อมเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ไตรมาส 4/2563 ได้แก่ 1.โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต Olefins Reconfiguration Project (ORP) เป็นการขยายกำลังการผลิตผ่านการลงทุนในแนฟทา แครกเกอร์ (Naphtha Cracker) เพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบของบริษัทฯ และต่อยอดธุรกิจปลายน้ำในอนาคตด้วยกำลังการผลิตเอทิลีน 500,000 ตัน และโพรพิลีน 250,000 ตัน มูลค่าโครงการประมาณ 36,000 ล้านบาท 2.โครงการโพรพิลีนออกไซด์ (Propylene Oxide :PO) และ 3.โครงการโพลีออลส์ (Polyols) เพื่อผลิตโพรพิลีนออกไซด์ (PO) 200,000 ตันต่อปี และผลิตภัณฑ์โพลีออลส์ (Polyols) 130,000 ตันต่อปี มีมูลค่าโครงการประมาณ 34,000 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการเป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์โพรพิลีนไปสู่ผลิตภัณฑ์ปลายทางสายโพลียูรีเทน (Polyurethane)
นอกจากนี้ ยังมีโครงการร่วมลงทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงใน 2 โครงการ ได้แก่ PA9T 13,000 ตัน/ปี และ HSBC 16,000 ตัน/ปี คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ปี 2565 สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายเกรดพิเศษ เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) และ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (E&E) ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัท คุราเร่ จีซี แอดวานซ์ แมททีเรียลส์ จำกัด (KGC) มูลค่าโครงการประมาณ 15,000 ล้านบาท
นายนิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP กล่าวว่า สิ่งที่อยากให้รัฐบาลปรับปรุงคือสิทธิประโยชน์ในอีอีซีให้สามารถแข่งขันได้กับเวียดนาม เพราะขณะนี้จะเห็นว่านักลงทุนเบนเข็มไปเวียดนามเพราะมีสิทธิประโยชน์สูงมาก ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทปีนี้ยอมรับว่ารายได้รวมต่ำกว่าปีก่อนประมาณ 20% ที่มีรายได้รวม 3,880 ล้านบาท เนื่องจากครึ่งปีนี้ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ทำให้ภาคอุตสาหกรรมลดการใช้น้ำลงกระทบยอดการขายธุรกิจน้ำของบริษัทฯ รวมทั้งรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Gheco-One ลดลง
อย่างไรก็ตาม ด้านธุรกิจน้ำ พบว่าลูกค้ารายใหญ่กลุ่มปิโตรเคมีกลับมาผลิตตามปกติรวมทั้งลูกค้าใหม่เริ่มเดินเครื่องจักรทำให้ความต้องการใช้น้ำกลับมาเพิ่มสูงขึ้นในครึ่งปีหลัง คาดทั้งปีนี้ยอดขายน้ำจะอยู่ที่ 120 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้งปริมาณสำรองน้ำในอ่างเก็บน้ำมันภาคตะวันออก พบว่ามีปริมาณน้ำสำรองใกล้เต็มที่ ลดความเสี่ยงปัญหาน้ำขาดแคลนในปีหน้าด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและพัฒนา ได้แก่ โครงการน้ำ Reclaimed อยู่ระหว่างการก่อสร้างที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) คาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเต็มสูงสุด 10,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ภายในไตรมาส 4/2563, โครงการน้ำปราศจากแร่ธาตุ ระยะที่ 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) ดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ไตรมาส 4 นี้ กำลังการผลิต 4,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โครงการร่วมกับกลุ่ม บมจ.ปตท. (PTT) เพื่อให้บริการบำบัดน้ำเสีย ภายในโครงการ EECi วังจันทร์วัลเลย์ กำลังการผลิต 400,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะเสร็จและดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาส 4/2563.- สำนักข่าวไทย