กรุงเทพฯ 9 ก.ย. – หอการค้าไทย-จีนมองการค้าและการลงทุนไตรมาส 4 ดีขึ้น เร่งรัฐแก้ปัญหาการเมืองในประเทศ เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย กระตุ้นเศรษฐกิจโค้งสุดท้ายของปี
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นไตรมาส 4/2563 พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่มองว่าการค้าและการลงทุนไตรมาส 4 ปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ส่งผลให้การนำเข้าส่งออกระหว่างไทยกับจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยการส่งออกของไทยไปจีนช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัว 4.5% หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.8% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย
ขณะที่มุมมองต่อเศรษฐกิจไทยและทิศทางตลาดหุ้นไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มีโอกาสทรงตัวและปรับตัวดีขึ้นมากกว่าโอกาสที่จะถดถอย โดยคาดกรอบเคลื่อนไหวอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 30.85-31.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ พบว่านักลงทุนให้ความสำคัญต่อปัจจัยเรื่องของการแก้ปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองและการประท้วงมากที่สุด รองลงมา คือ การทดลองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในคนได้สมบูรณ์ ซึ่งนักธุรกิจส่วนใหญ่มองว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 9-12 เดือนที่จะทำให้เกิดความมั่นใจในการลงทุนเพิ่มขึ้น
พร้อมแนะรัฐบาลเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ขณะที่มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศแม้รัฐบาลดำเนินการ แต่มองว่ายังไม่เพียงพอที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ ดังนั้น จำเป็นต้องผลักดันมาตรการผ่อนคลายการเดินทางเข้าไทยในช่วงไตรมาส 4/2563 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการมาพำนักในไทยระยะยาว โดยกำหนดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาไทยต้องมาจากพื้นที่ปลอดภัยจากโควิด โดยอาจจับคู่การท่องเที่ยวในลักษณะเมืองกับเมือง เช่น มณฑลกวางโจ หรือเมืองอื่นของจีน ที่ไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เกิน 100 วัน จับคู่กับเมืองท่องเที่ยวของไทย เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ เป็นต้น ขณะที่ระยะเวลาการกักตัว มองว่าหากต้องกักตัวถึง 14 วันนั้นอาจนานไป และไม่ดึงดูดนักท่องเที่ยว จึงมองว่าควรให้กักตัวตามที่การแพทย์ยอมรับได้ และตามความเสี่ยงของเมืองหรือประเทศที่เดินทางเข้ามา รวมทั้งต้องหารือระดับท้องที่เพื่อให้ประชาชนในท้องที่ให้ความยินยอมในการเปิดพื้นที่ และมีการจำกัดบริเวณการเดินทางให้อยู่เฉพาะภายในพื้นที่
นอกจากนี้ แนะสถาบันการเงินออกมาตรการพักชำระหนี้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี และรัฐบาลควรปรับแก้กฎหมาย หรือตั้งกองทุน เพื่อเข้าไปดูแลเรื่องสินทรัพย์ที่ถือครองของต่างชาติรวมถึงการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของต่างชาติ ที่ขณะนี้ไม่สามารถเดินทางมาทำธุรกรรมในไทย เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 และติดขัดกฎหมายเรื่องการโอนเงินเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อดูดซัพโอเว่อร์ซัพพลายในภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทย โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์แนวสูงที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่คือชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ซึ่งนอกจากจะอำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติแล้ว ทำให้สถาบันการเงินกล้าปล่อยสินเชื่อ และช่วยให้ผู้ประกอบการไทยได้มีเงินทุนเข้ามาหมุนเวียนในธุรกิจด้วย.- สำนักข่าวไทย