กรุงเทพฯ 2 ก.ย. – สภาพัฒน์ฯ ตีกลับรถไฟทางคู่เฟส 2 จำนวน 7 เส้นทาง หลัง รฟท.ไม่สามารถตอบคำถามความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจของโครงการ ด้านกรมรางฯ เร่งศึกษาทบทวนแผน-จัดลำดับความสำคัญสอดรับสถานการณ์โควิด-19 เน้นความคุ้มค่าการลงทุน
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมการจัดลำดับความสำคัญโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 7 โครงการ ระยะทาง 1,483 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุนรวมกว่า 273,000 ล้านบาท โดยมีนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้ ขร.ไปศึกษาตรวจสอบและทบทวนโครงการฯ ใหม่อีกครั้ง พร้อมทั้งพิจารณาผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจและปริมาณการขนส่งสินค้าว่า เป็นไปตามสมมติฐานเดิมที่กำหนดไว้หรือไม่ ตามข้อซักถามของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) ที่ได้ถามไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 เนื่องจากการรถไฟฯ ยังไม่สามารถตอบคำถามได้
ขณะเดียวกันสาเหตุที่จะต้องมาทบทวนโครงการใหม่นั้น เนื่องจากเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ประกอบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ติดลบ จึงต้องพิจารณาการลงทุนว่า มีความคุ้มค่าจากการลงทุนหรือไม่ การขนส่งสินค้าทางรางสามารถแข่งขันกับโหมดสินค้าอื่นได้หรือไม่ และพิจารณาความจำเป็น รวมถึงการออกแบบสถานีว่าจะต้องมีการปรับลดหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาศึกษาทบทวนไม่เกิน 3 เดือนนับจากนี้ ก่อนที่จะเสนอมายังที่ประชุมฯ และกระทรวงคมนาคม เพื่อเร่งผลักดันโครงการ จากนั้นจะเสนอไปยังสภาพัฒน์ฯ อีกครั้ง และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป หากโครงการใดต้องมีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณจะต้องเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.ด้วย
นายสรพงศ์ กล่าวต่ออีกว่า จากการพิจารณาโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 7 โครงการนั้น เบื้องต้นประเมินว่า สายขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กม.ที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าจะต้องเร่งขับเคลื่อน เนื่องจากเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ชาติเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟของ สปป.ลาว ในเส้นทางนั้น ที่คาดว่าจะเสร็จปี 2564 อย่างไรก็ตาม คาดว่าเส้นทางขอนแก่น-หนองคายจะศึกษาให้เสร็จภายใน 1 เดือน เพื่อเดินหน้าต่อไป
ขณะที่อีก 6 เส้นทางที่เหลือนั้น ได้จัดลำดับความสำคัญเบื้องต้น คือ สายชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม., สายชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม., สายสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กม., สายปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม., สายชุมทางหาดใหญ่–ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. และสายเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. ทั้งนี้ ยอมรับว่าบางโครงการอาจจะต้องเลื่อนการดำเนินการออกไปก่อน เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนา โดยยืนยันว่าไม่ได้ยกเลิกโครงการแต่อย่างใด
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่าคาดว่าการดำเนินการโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 7 เส้นทาง วงเงินลงทุนรวมกว่า 273,000 ล้านบาทนั้น เบื้องต้นมีแนวคิดที่จะให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน (PPP) แต่เนื่องจากอัตราผลตอบแทนการลงทุนทางการเงิน (FIRR) ยังไม่มากพอที่จะดึงดูดนักลงทุน จึงต้องไปพิจารณารายละเอียดอีกครั้งต่อไป.-สำนักข่าวไทย