กรุงเทพฯ 9 มิ.ย. – นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เผยว่าที่ประชุม ครม.วันพรุ่งนี้จะเริ่มพิจารณา งบบางส่วน ภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ วงเงิน 157,000 ล้านบาท
นายดนุชา หนึ่งในคณะอนุกรรมการภายใต้แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท กล่าวว่า อนุกรรมการฯ จะหารือเพื่อสรุปรายละเอียดโครงการที่เสนอของบประมาณภายใต้แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หรืองบกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกรอบในวันนี้ และคาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 10 มิถุนายนนี้ พิจารณาเห็นชอบต่อไป
นายดนุชา กล่าวว่า เบื้องต้น จะเสนอ ครม.เพื่อเห็นชอบโครงการบางส่วนก่อน โดยจะเน้นไปที่โครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศเป็นหลัก โดยมีโครงการที่เสนอของบฯ มาเป็นจำนวนมาก และทางคณะอนุกรรมการฯได้พิจารณาไปแล้วหลายครั้ง ก่อนหน้านี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้พิจารณาการใช้งบฯ ไปหลายครั้งแล้ว โดยมีคำขอเสนอมากกว่า 400,000 ล้านบาท มากกว่า 10,000 โครงการ ทำให้คณะกรรมการต้องพิจารณาอย่างเข้มข้นและคัดเลือกโครงการที่เหมาะสมที่สุด การอนุมัติโครงการต่าง ๆ จะต้องให้เม็ดเงินลงสู่ระบบได้เร็วที่สุด และสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากมีกรอบระยะเวลาที่กำหนด เพราะจะต้องใช้เงินก่อนวันที่ 30 ก.ย. 68
สำหรับ ข้อเสนอโครงการ/มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบด้วย
1) โครงสร้างพื้นฐาน
-ด้านน้ำ ประกอบด้วย (1) ป้องกันอุทกภัยในช่วงฤดูฝน และกักเก็บน้ำไว้สำหรับฤดูแล้ง (2) กระจายน้ำไปยังชุมชนและพื้นที่ต่าง ๆ ผลิตเพื่อสนับสนุนภาคเกษตรในพื้นที่ทั่วประเทศและ (3) พัฒนา/ปรับปรุงระบบประปา
-ด้านคมนาคม ประกอบด้วย (1) แก้ไขปัญหาด้านการจราจรในพื้นที่ที่เป็นคอขวดและขาดความเชื่อมโยง (Bottleneck/Missing Link) (2) เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางและขนส่ง (3) แก้ไขปัญหาจุดตัดระหว่างทางรถไฟและถนนเสมอระดับ (4) ก่อสร้าง/ปรับปรุงจุดพักรถบรรทุกเพื่อให้สามารถบังคับใช้พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 และ (5) ปรับปรุง/พัฒนาถนนเชื่อมโยงเมืองรอง แหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่การผลิต
2 ) การท่องเที่ยว ประกอบด้วย (1) ปรับปรุง/พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สนามกีฬา และสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้องน้ำ ห้องพัก สถานที่ป้ายบอกทาง (2) พัฒนาระบบอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว (3) พัฒนาและยกระดับความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว อาทิ การติดตั้งระบบ CCTV ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวสำคัญ และ (4) กระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่เมืองรอง
3) ลดผลกระทบภาคการส่งออก/เพิ่มผลิตภาพ
-ด้านการเกษตร เพิ่มผลิตภาพทางการเกษตร อาทิ การสนับสนุนให้เกษตรกร และผู้ประกอบการ SMEs ใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีปรับเปลี่ยนพื้นที่การเพาะปลูกให้เหมาะสม
-ด้านการลดผลกระทบแรงงาน สนับสนุนมาตรการการเงินการคลังสนับสนุนสินเชื่อ
(เฉพาะผู้ประกอบการส่งออก) เพื่อส่งเสริมการจ้างงานให้กับกองทุนประกันสังคม
-ด้านดิจิทัล พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลและการค้าระหว่างประเทศ
4) เศรษฐกิจชุมชนและอื่น ๆ กองทุนหมู่บ้าน (SML) สนับสนุนงบประมาณแก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อเป็นแหล่งเงินให้กับประชาชนในพื้นที่ และพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โครงการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและอื่น ๆ พัฒนาเศรษฐกิจ และการพัฒนาชุมชนที่เป็นความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ในพื้นที่ โครงการการพัฒนาทุนมนุษย์ด้านการศึกษาเพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจให้กับประเทศ
- การกำกับติดตามผลการดำเนินงาน
รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน เป็นประธานอนุกรรมการ เพื่อกำกับและติดตามผลการดำเนินงานของโครงการและมาตรการต่าง ๆ ตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฯ ตลอดจนรายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการฯ ทราบต่อไป - แหล่งเงินในการดำเนินโครงการ
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ วงเงินไม่เกิน 157,000 ล้านบาท - ระยะเวลาดำเนินการ การจัดทำข้อเสนอโครงการและคำของบประมาณ. -511-สำนักข่าวไทย