กรมธนารักษ์มอบเอกสารสิทธิ์ที่ราชพัสดุขอนแก่น 1,100 แปลง

ขอนแก่น  28 ส.ค. – กรมธนารักษ์มอบเอกสารสิทธิ์ที่ราชพัสดุขอนแก่น 1,100 แปลง เดินหน้าโครงการธนารักษ์ประชารัฐ ย้ำลดความเหลื่อมล้ำ สร้างรายได้ ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก


นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ได้มอบสัญญาเช่าที่ดินตามโครงการธนารักษ์ประชารัฐ โดยนำที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ขก.252  จัดสรรให้กับประชาชนในพื้นที่  ต.โนนสมบูรณ์ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น จำนวน 1,100 ราย ซึ่งได้รับการส่งมอบคืนจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่เคยใช้เป็นนิคมโรคเรื้อนโนนสมบูรณ์ได้มีการยกเลิกเป็นสถานบำบัดและรักษาโรคดังกล่าวแล้ว เป็นที่รกร้างไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ จึงได้เข้าไปจัดสรรที่ดิน เพื่อให้เกิดมูลค่าและสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนที่ไม่มีที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินเป็นของตนเอง ซึ่งผู้ป่วยที่เคยอยู่ในนิคมดังกล่าวและมีทายาทจะสามารถได้รับสิทธิ์เช่าพื้นที่ราชพัสดุเพื่อที่อยู่อาศัยหรือพื้นที่ทำกินด้านการเกษตร โดยจะได้รับอัตราค่าเช่าตามเงื่อนไขของกรมธนารักษ์

สำหรับอัตราค่าเช่าที่ดินราชพัสดุ แบ่งเป็นอัตราค่าเช่าเพื่อประกอบการเกษตร โดยผู้ป่วยจะคิดค่าเช่าไร่ละ 100 บาทต่อปี ทายาทผู้ป่วยคิดค่าเช่าไร่ละ 200 บาทต่อปี สำหรับบุคคลอื่นค่าเช่าไร่ละ 200 บาทต่อปี ส่วนอัตราค่าเช่าที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย สำหรับผู้ป่วยคิดอัตรา ตารางวา (ตร.ว.) ละ 0.13 บาทต่อเดือน สำหรับทายาท คิดอัตราตารางวา (ตร.ว.) ละ 0.25 บาทต่อเดือน สำหรับบุคคลอื่น คิดอัตราตารางวา (ตร.ว.) ละ 0.50 บาทต่อเดือน เมื่อประชาชนได้รับมอบสัญญาเช่าแล้ว สามารถใช้สิทธิการเช่าไปใช้ประกอบในการขอสินเชื่อ หรือเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นสถาบันการเงินที่ร่วมกับภาครัฐภายใต้โครงการดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้เป็นเงินทุน เพื่อประกอบอาชีพหรือก่อสร้างที่อยู่อาศัยต่อไปได้/สำหรับในปีงบประมาณ 2564 รัฐบาลได้มีนโยบายยกเว้นการเก็บค่าเช่าอีก 1 ปี เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่ต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจชะลอตัวจากสถานการณ์โควิด -19


ปัจจุบันกรมธนารักษ์มีที่ดินใช้ประโยชน์โดยหน่วยงานราชการและพื้นที่ที่ยังไม่ใช้ประโยชน์มากกว่า 12 ล้านไร่ โดยสำรวจและจัดสรรให้กับประชาชนเช่าราคาถูก เพื่อนำไปใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งที่ดินทำกินเพื่อการเกษตร และที่อยู่อาศัย ตลอดจนที่ดินเพื่อการพาณิชย์ อีกทั้งยังสามารถตกทอดถึงลูกหลานในอนาคต 

“กรมธนารักษ์มีเป้าหมายแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุจากกรณีดังกล่าวภายใต้โครงการธนารักษ์ประชารัฐ เพื่อรองรับสิทธิ์ให้แก่ผู้ครอบครองที่ราชพัสดุให้เสร็จภายในปี 2565 จำนวน 73,427 เนื้อที่ประมาณ 1.051 ล้านไร่ โดยขั้นตอนการดำเนินงานของโครงการเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเครื่องมือรังวัดพื้นที่และการตรวจสอบสิทธิ์ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านเป็นอย่างดี ทำให้ปัจจุบันสามารถพิสูจน์สิทธิ์ที่ดินต่อแปลงเสร็จภายใน 1-2 เดือน จากเดิมใช้เวลา 1-2 ปี” นายสันติ กล่าว

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้เข้าไปมอบเอกสารสิทธิ์ที่ราชพัสดุให้กับชาวบ้านไปแล้ว 6 จังหวัด และวันที่ 11 กันยายนนี้ จะจัดพิธีมอบมอบเอกสารสิทธิที่ราชพัสดุให้กับชาวบ้านในจังหวัดนครสวรรค์ อีกประมาณ 2,000 ราย ซึ่งถือเป็นจังหวัดที่สอง ที่จัดพิธีมอบให้กับชาวบ้าน เพราะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ในการทำการเกษตรและที่อยู่อาศัย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด