เกษตรกรปลูกพืชเศรษฐกิจ 6 ชนิด ยื่นหนังสือ “เฉลิมชัย” ทบทวนแบนพาราควอต

กรุงเทพฯ  28 ส.ค. – ผู้แทนเกษตรกรปลูกพืชเศรษฐกิจ 6 ชนิด เตรียมยื่นหนังสือ รมว.เกษตรฯ ทบทวนการยกเลิกพาราควอต โดยมีข้อมูลใหม่ประกอบตามที่เลขาฯ คกก.วัตถุอันตรายแจ้งให้กระทรวงเกษตรฯ ส่งมาเพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมพิจารณาทบทวนการยกเลิกพาราควอต


นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการ สมาพันธ์เกษตรปลอดภัย กล่าวว่า บ่ายวันนี้ (28 ส.ค.) จะเข้าพบนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสารพาราคอวต รวมทั้งส่งหนังสือที่สมาคมเกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจได้แก่ อ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ข้าวโพด และไม้ผลทำขึ้นเพื่อให้รมว. เกษตรฯ เสนอต่อคณะกรรมการวัตถุอันตราย (คกก.วอ.) ให้ทบทวนการยกเลิกใช้พาราควอต ตามที่นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เลขานุการคกก. วอ. ระบุว่า พร้อมเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมนำเข้าสู่การพิจารณาของคกก. วอ. หากกระทรวงเกษตรฯ เสนอข้อมูลใหม่มา

ดังนั้น จึงได้ส่งข้อมูลที่สมาพันธ์ฯ ทดลองพบว่า เมื่อฉีดพ่นสารกลูโฟซิเนตในแปลงมันสำปะหลัง ต้นมันสำปะหลังใบร่วง แต่วัชพืชไม่ตาย ฉีดพ่นในไร่อ้อย ต้นอ้อยจะได้รับความเป็นพิษ ยับยั้งการเจริญเติบโตในช่วงย่างปล้อง เกษตรกรไม่กล้าใช้ “สารทางเลือก” ในสวนปาล์มน้ำมัน ไร่อ้อย และทุเรียน จนทำให้วัชพืชเติบโตอย่างมาก แย่งสารอาหารจากพืชประธานเสียหาย อีกทั้งสอบถามกรมวิชาการเกษตรแล้ว ได้คำตอบว่า สารทางเลือกอื่น ๆ  ไม่สามารถทดแทนพาราควอตได้ทั้งในแง่ของประเสิทธิภาพและราคา


สมาคมนักวิชาการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย (สนอท.) สำรวจและวิเคราะห์สารตกค้างในกลุ่มสินค้าเพื่อบริโภคในประเทศไทย ได้แก่ น้ำตาล น้ำอ้อย แป้งมัน สาคู ข้าวโพดต้ม ข้าวโพดกระป๋อง ข้าวโพดอาหารสัตว์ และอื่นๆ รวม 35 รายการ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ไม่พบสารพาราควอตตกค้างแม้แต่รายการเดียว ในทางตรงกันข้ามกระทรวงสาธารณสุขอนุญาตให้นำเข้าวัตถุดิบ เพื่อมาเป็นอาหารสัตว์และอาหารคน  และมีการปรับค่ามาตรฐานการนำเข้า นั่นคือ ยอมรับสินค้าที่มีการใช้สารพาราควอตและคลอร์ไพริฟอสจากประเทศอื่น แต่กลับห้ามเกษตรกรในประเทศใช้ แบบนี้คือการปฏิบัติสองมาตรฐาน จึงไม่ได้ห่วงใยความปลอดภัยของผู้บริโภคและเกษตรกรอย่างแท้จริง แต่เป็นการซ้ำเติมเกษตรกรและเอื้อกลุ่มนายทุน

นายสุกรรณ์ กล่าวต่อว่า ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดให้สารพาราควอตจัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ต้องมีการยกเลิกการใช้ในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน และมีคำสั่งกรมวิชาการเกษตรไม่ให้เกษตรกรใช้หรือครอบครอง หากฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งผลผลิตเสียหายอย่างหนัก แต่กรมวิชาการเกษตร ยังไม่มีมาตรการใด ๆ ที่ชัดเจน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร ส่วนการใช้แรงงานกำจัดวัชพืช แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะค่าแรงที่สูงและแรงงานภาคเกษตรที่ไม่เพียงพอ การใช้เครื่องจักรทดแทนมีข้อจำกัด ทั้งด้านภูมิศาสตร์และด้านต้นทุนในการเข้าถึงเครื่องจักรกลที่เหมาะสม

ดังนั้น เกษตรกรจึงทำหนังสือถึง รมว.เกษตรฯ เรียกร้องให้แก้ปัญหาความเดือดร้อนจากแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐที่ไม่เป็นธรรมอย่างเร่งด่วน โดยขอให้ส่งข้อมูลใหม่ไปยัง คกก.วอ. เพื่อทบทวนการยกเลิกสารพาราควอตเร็วที่สุด จากนั้นนำมติของ คกก.วอ.ในการจำกัดการใช้สารพาราควอตมาดำเนินการ ซึ่งเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุดและไม่ส่งผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำหนังสือถึง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้หยุดการนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบทางการเกษตรที่มีการใช้สารพาราควอตและสารคลอร์ไพรีฟอสทันที ต้องไม่มีการผ่อนปรนถึงเดือนมิถุนายน 2564  เนื่องจากเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนธุรกิจ ซึ่งเป็นการปฏิบัติ 2 มาตรฐานและไม่คำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภคคนไทยอย่างแท้จริง


 “หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รมว.เกษตรฯ จะให้ความเป็นธรรมแก่เกษตรกร เนื่องจากไม่สามารถหวังพึ่งใครได้อีกแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ต้องปกป้องและดูแลเกษตรกรให้ประกอบอาชีพได้ และพิจารณาข้อมูลต่าง ๆ ด้วยความรอบคอบและใจที่เป็นธรรม” นายสุกรรณ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มพาลูก-เมียกลับจากฉลองวันเกิด รถยางระเบิดเสียหลักชนเสาไฟ ดับ 3 สาหัส 2

พ่อแม่ลูก 5 คน กลับจากฉลองวันเกิด รถกระบะยางระเบิดเสียหลักหมุนชนอัดเสาไฟฟ้า พ่อและแม่พร้อมลูกคนโตเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกคนกลางและคนเล็กอาการสาหัส

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

ข่าวแนะนำ

“อัศนี” ประกาศชัยชนะนายกเล็กเชียงใหม่ หลังนับคะแนนผ่านไป 78%

เชียงใหม่ 11 พ.ค. – “อัศนี บูรณุปกรณ์” ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย ประกาศชัยชนะ หลังนับคะแนนผ่านไปกว่า 78% ทิ้งห่างคู่แข่งจากพรรคประชาชน 4,000 คะแนน นายอัศนี บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้สนับสนุน ต่างปรบมือแสดงความดีใจ หลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการผ่านไปเกินร้อยละ 78 ได้คะแนนกว่า 17,000 คะแนน ทิ้งห่างนายธีรวุฒิ แก้วฟอง จากพรรคประชาชน กว่า 4,000 คะแนน พร้อมประกาศชัยชนะ โดยขอบคุณทุกคะแนนเสียง รวมทั้งพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าชัยชนะครั้งนี้มาจากความใกล้ชิดประชาชนในพื้นที่ ยืนยันเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ไม่ใช่เก้าอี้ที่สืบทอดของบ้านใหญ่บูรณุปกรณ์ แต่มาจากการทำงานใกล้ชิดประชาชนจนมีความเชื่อมั่น ยืนยันพร้อมเดินหน้านโยบายเร่งด่วนใน 100 วันแรก เร่งป้องกันปัญหาน้ำท่วม เพราะเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เมื่อถามว่า หนักใจกับการถูกร้องเรียนหลังเลือกตั้งหรือไม่ นายอัศนี ยืนยันว่า ทีมงานของตนมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และพร้อมจะดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป.-713-สำนักข่าวไทย

เฮลั่น “ธัญญก้าวหน้า” ชนะยกทีม เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี

ปทุมธานี 11 พ.ค. – นับคะแนนเสร็จสิ้นแล้วอย่างไม่เป็นทางการ เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี จ.ปทุมธานี “นายกเบี้ยว” ประกาศลั่น “ธัญญก้าวหน้า” คว้าชัยชนะยกทีม “ยุพเยาว์” นั่งนายกเทศมนตรี ส่วน “ลูกพีช” ได้เป็น สท. -สำนักข่าวไทย

กกต.พอใจภาพรวมเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ

11 พ.ค. – กกต.พอใจภาพรวมการเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หวังมีผู้มาใช้สิทธิตามเป้า 70% พร้อมกำชับ จนท.ขานคะแนนให้ชัด และเตรียมแผนเผชิญเหตุกรณีฝนตก-ไฟดับ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจดูการใช้สิทธิของประชาชน ในการใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี พื้นที่เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่สถานการณ์ทั่วประเทศที่ได้รับรายงานพบบางจังหวัดมีข่าวซื้อเสียงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ไม่พบตามที่มีการแจ้ง และไม่น่าจะส่งผลกระทบให้ต้องเลือกตั้งใหม่ ประธาน กกต. เผยในการเลือกตั้งตรวจดูตามหน่วยเลือกตั้ง ได้กำชับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเรื่องการนับคะแนน เพื่อหลีกเลี่ยงการร้องเรียนว่าขานคะแนนไม่ชัด หรือไม่ได้ยิน แสงสว่างน้อย จึงขอให้ขานคะแนนช้าๆ ชัดๆ เพื่อไม่ให้ผู้สังเกตการณ์เกิดความสงสัย และหากมีฝนตกก็ต้องมีแผนเผชิญเหตุ โดยเฉพาะหากไฟฟ้าดับ ส่วนผู้ใช้สิทธิจะมากกว่าครั้งที่แล้ว โดยครั้งนี้ตังเป้าไว้ร้อยละ 70 เพราะดูจากการมาใช้สิทธิตลอดทั้งวันเป็นไปด้วยความคึกคัก แต่ในแต่ละจังหวัดจะไม่เท่ากัน ขณะที่การนับคะแนน หลังปิดการลงคะแนนเมื่อเวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง โรงเรียนหัวหินวิทยาคม ซึ่งมี 6 หน่วยเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่แจ้งหมดเวลาปิดการลงคะแนน และเริ่มการนับคะแนนทันที โดยเป็นการนับคะแนนนายกเทศมนตรี และมานับคะแนนสมาชิกสภาเทศบาล ท่ามกลางตัวแทนผู้สมัครมาเฝ้าสังเกตการณ์ สำหรับการเลือกตั้งเทศบาลมีจำนวน 2,463 แห่ง และหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]