กรุงเทพฯ 29 ก.ค. – บขส.พร้อมโชว์ศักยภาพบริหารองค์กรให้มั่นคงและยั่งยืน ลุยพร้อมรุกแผนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สร้างรายได้ในอนาคต เล็งปรับโครงสร้างองค์กรให้กระชับขึ้น รวมทั้งมีแผนพัฒนาธุรกิจรับ-ส่งพัสดุภัณฑ์ อย่างต่อเนื่อง
นายมาโนช สายชูโต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายธุรกิจเดินรถ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส ) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามุ่งมั่นฯ พัฒนาบริการด้านการขนส่งผู้โดยสารให้ได้รับความสะดวกสบายและสร้างความพึงพอใจสูงสุด โดยมีการพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบการให้บริการทั้งการเดินรถ , รับ-ส่งพัสดุภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการอย่างสูงสุด รวมทั้งมีโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ บขส.
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมีศักยภาพ อาทิ โครงการพัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (เอกมัย) พื้นที่ประมาณ 7 ไร่ มีแผนจะพัฒนาเป็นสถานีขนส่งผู้โดยสาร ร้านค้า สำนักงาน โรงแรมและที่จอดรถ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (ปิ่นเกล้า) พื้นที่ประมาณ 15 ไร่ บขส. จะดำเนินการสรรหาเอกชนมาร่วมลงทุน ตาม พ.ร.บ. การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ส่วนสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (สามแยกไฟฉาย) พื้นที่ประมาณ 3 ไร่เศษ มีแผนให้เช่าที่ดิน พัฒนาเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และอาคารที่พัก
ทั้งนี้ หาก บขส.สามารถพัฒนาพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ได้ตามแผนจะทำให้ บขส. มีรายได้เพิ่มขึ้นด้านผลประกอบการด้านการเงินในช่วงที่ผ่านมา บขส.ถือว่ามีความสามารถในการบริหารจัดการเป็นรัฐวิสาหกิจที่นำเงินรายได้เข้ารัฐและไม่ได้ขอรับสนับสนุนงบประมาณจากรัฐแต่อย่างใด และประกอบธุรกิจแข่งขันกับภาคเอกชนไม่ได้ผูกขาด อีกทั้งเป็นกลไกให้รัฐบาลดูแลประชาชนไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากภาคเอกชน เช่น การตรึงราคาค่าโดยสาร โดยแบกรับต้นทุนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้บริการประชาชน ทำให้ปี 2559 ปรับลดค่าโดยสาร 2 ครั้ง สูญเสียรายได้ 32.786 ล้านบาท อีกทั้งมีภาระค่าใช้จ่ายในการกำกับดูแลผู้ประกอบการรถร่วมฯ เช่น ค่าสาธารณูปโภคในการใช้พื้นที่สถานีขนส่ง การให้บริการห้องสุขาฟรี ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคดีความ ภาพลักษณ์ต่างๆ และโดยเฉพาะการปรับลดค่าธรรมเนียมให้กับผู้ประกอบการรถร่วมฯ ทำให้ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายรวมกว่า 121 ล้านบาท ส่งผลให้ปี 2559 ขาดทุนกว่า 150 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้ขาดทุนจากการประกอบธุรกิจแต่อย่างใด แต่มีปัจจัยเชิงนโยบายเข้ามาส่งผลกระทบ
นอกจากนี้ จากผลสำรวจของประชาชนเกี่ยวกับการให้บริการห้องสุขาในสถานีขนส่ง พบว่า ประชาชนต้องการให้มีบริการห้องน้ำทางเลือกที่เสียค่าบริการและมีความสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งมีแผนที่จะทำห้องน้ำทางเลือกให้กับประชาชนอีกกลุ่มที่ต้องการบริการที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ต้องแบกรับต้นทุนการกำกับดูแลผู้ประกอบการรถร่วม การตรึงราคาค่าโดยสาร ค่าใช้จ่าย ด้านสาธารณูปโภคการใช้สถานีต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2559 แต่ก็ยังมีผลประกอบการที่เลี้ยงตัวเองได้
ทั้งนี้ ปี 2560 สามารถทำกำไรได้ 53.934 ล้านบาท แต่จากมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ปรับขึ้นเงินเดือนค่าจ้างให้พนักงาน 5% ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นส่งผลให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 16.136 ล้านบาท ปี 2561 สูญรายได้ค่าโดยสารจากที่ควรมีกำไรอยู่ที่ 129.163 ล้านบาท แต่เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นไม่สอดคล้องกับราคาค่าโดยสารในขณะนั้น ทำให้ขาดทุน 94.609 ล้านบาท และเป็นการตรึงราคาเพื่อให้บริการประชาชน
ส่วนปี 2562 สามารถสร้างรายได้จากการเดินรถ และธุรกิจอื่น ๆ มีกำไรจากการดำเนินงาน 168.35 ล้านบาท แต่เนื่องจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่องมาตรฐานขั้นต่ำสภาพการจ้างพนักงานรัฐวิสาหกิจให้ผู้ที่มีอายุงาน 20 ปีขึ้นไป เมื่อถูกเลิกจ้างได้รับเงินชดเชย 400 วัน อายุงาน 10-20 ปี ชดเชย 300 วัน มีผลต่อลูกจ้างที่ต้องพ้นจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2562 เป็นต้นไป ส่งผลให้ต้องจ่ายเงินชดเชยผู้เกษียณอายุเพิ่มเติม 166.94 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายโดยผลของกฎหมาย และไม่ได้ประมาณการค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไว้ จึงส่งผลให้ปี 2562 บขส. มีกำไรน้อยลงอยู่ที่ 1.410 ล้านบาท
นายมาโนช กล่าวว่า บขส.ยังไม่เข้าข่ายต้องทำแผนฟื้นฟูธุรกิจและพร้อมพัฒนาธุรกิจและบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นรัฐวิสาหกิจที่สามารถบริหารจัดการด้วยตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนระยะยาว นอกจากนี้ ในอนาคตมีแผนปรับโครงสร้างองค์กรให้กระชับขึ้น รวมทั้งมีแผนพัฒนาธุรกิจรับ-ส่งพัสดุภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบสนองความต้องการใช้ของลูกค้าต่อไป .-สำนักข่าวไทย