กรุงเทพฯ 28 ก.ค. – คนใช้รถไฟฟ้าต้องรู้ กรมการขนส่งทางรางเตรียมเสนอ ก.คมนาคม-คจร. ลุยสร้างรถไฟฟ้าระยะที่ 2 (M-Map 2) ตามผลศึกษาของไจก้า อีก 5 สายทาง ครอบคลุม กทม.-ปริมณฑล คาดสร้างเสร็จปี 72-75 ทำคนใช้บริการระบบรางเพิ่มเป็น 30%
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงนโยบายแผนพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าของกระทรวงคมนาคมว่า กระทรวงคมนาคมมีนโยบายชัดเจนที่จะขับเคลื่อนการลงทุนระบบรางอย่างเต็มที่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและใช้ระบบรางในการลดต้นทุนโลจิสติกส์ ลดค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชนในอนาคตและให้มีการเดินทางครอบคลุมโดยระบบราง ซึ่งขณะนี้กรมการขนส่งทางรางได้ไปศึกษารายละเอียดของความจำเป็นที่จะพัฒนาระบบรางให้ครอบคลุม และขยายเส้นทางเพื่อตอบสนองการขยายตัวของเมืองที่เพิ่มขึ้น
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า หลังจากกระทรวงคมนาคมกำกับหน่วยงานการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั่ว กรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวมกว่า 14 สายทาง ระยะทางรวม 553.41 กม. มีสถานีให้บริการทั้งสิ้น 367 สถานี และจะทยอยเปิดให้บริการจนครบทุกสายถึงปี 2570 ดังนั้น ทางกรมการขนส่งทางรางจึงมีแนวคิดที่จะพิจารณาข้อมูลแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าระยะที่ 2 ตามผลศึกษาขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) หรือแนวคิด M-Map 2 ที่เคยศึกษาไว้ว่าจะต้องมีการก่อสร้างขนส่งสาธารณะระบบราง โดยเฉพาะรถไฟฟ้าในระยะที่ 2 อีก 5 สายทาง ระยะทางรวม 130 กม.ซึ่งตามผลการศึกษามีแผนที่จะเริ่มดำเนินการปี 2564- 2565 เสร็จระหว่างปี 2572-2573 ประกอบด้วย 1.สายแม่น้ำทางรถไฟสายเก่า-บางนา-สนามบินสุวรรณภูมิ 2.สายสีเทา วัชรพล-รามอินทรา -ลำลูกกา 3 .ส่วนต่อขยายสีแดง รังสิต-ธัญบุรี 4 .สายใหม่ สถานีขนส่งสายใต้-หลักสี่ และ 5. สายใหม่ บางหว้า-บางกะปิ
นอกจากนี้ จะมีการเสนอขอทบทวนความรับผิดชอบการก่อสร้างจากเดิม กทม.เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินงานกลับมาเป็น รฟม. ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา รามอินทรา -ลำลูกกา, และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงสมุทรปราการ-บางปู ซึ่งทางกรมการขนส่งทางรางอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อลรายละเอียดทั้งหมดก่อนนำเสนอ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เห็นชอบก่อนเสนอคณะกรรมการจัดระบบจราจรทางบก (คจร.) ที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พิจารณาเห็นชอบการทบทวนแผน M-Map 2 ต่อไป
ทั้งนี้ แผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าระยะที่ 2 ตามผลการศึกษามีเป้าหมายขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าให้ครอบคลุมรัศมีจากการให้บริการรถไฟฟ้าเดิมออกไปอีกรัศมี 20 กม. รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายทางรางตาม M-Map ให้มีการใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด และการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์การขยายตัวของเมืองที่ปัจจุบันขยายมากขึ้น และเพื่อให้สอดคล้องกับแผนส่งเสริมการเดินทางโดยระบบขนส่งทางรางอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีการคาดหการณ์ว่าจะเพิ่มผู้ใช้ระบบ MRT จาก 6.2 % เป็น 15% เมื่อเทียบกับระบบขนส่งอื่น
นายสรพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นและสาเหตุที่ต้องมีการทบทวนแผนพัฒนาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าระยะที่ 2 เนื่องจากปัจจุบัน รถไฟฟ้าหลายสายทางที่ได้มีการโอนความรับผิดชอบให้ กทม. ดำเนินการยังไม่มีความคืบหน้า ประกอบกับภารกิจของ รฟม.ที่ดำเนินการในแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าระยะที่ 1 ขณะนี้มีแผนกรอบเวลาที่จะเสร็จชัดเจน ดังนั้น จึงมีแนวคิดที่จะให้ รฟม.เข้ามาดำเนินการต่อ โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเทา วัชรพล-ท่าพระ ซึ่งแนวคิดของขร.หากให้ รฟม. ดำเนินการจะดำเนินการช่วงวัชรพล-สถานีรามคำแหง เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยายฝั่งตะวันออก ของ รฟม.ก่อน เนื่องจากมองว่าสามารถขนถ่ายประชาชนฝั่งตะวันออกเชื่อมต่อทิศเหนือของ กทม.ได้ดี
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวทิศใต้ จากเดิมหมอชิต-สมุทรปราการ ซึ่งตามแผนจะต้องต่อขยายจากสมุทรปราการ-บางปูนั้น ขณะนี้แผนของ กทม.ยังไม่มีความชัดเจน หาก รฟม.นำมาดำเนินการเองจะทำให้การเชื่อมต่อขนส่งผู้โดยสารจากทิศใต้ กทม.ไปยังทิศเหนือ กทม. ชัดเจนขึ้น ประกอบกับการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้า และการขยายตัวของเมือง จุดศูนย์กลางของเมืองชั้นใน ได้ขยายตัวและเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จากเดิมจะอยู่แถว ปทุมวันรัศมีออกมานอกเมืองไม่เกิน 20-30 กม. แต่ปัจจุบันได้ขยายรัศมีเพิ่มมากขึ้น
“ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมได้มีการลงทุนในระบบขนส่งทางรางทุกโครงการไปแล้วกว่า 1.3 ล้านล้านบาท มีผู้โดยสารใช้บริการระบบรางกว่า 6% ของการเดินทางทั้งหมดทุกระบบที่มีคนเดินทางเฉลี่ย 20 ล้านคน/เที่ยว/วัน ซึ่งตามแผนที่มีการศึกษา และคาดการณ์ไว้ว่าในอนาคตหากมีการพัฒนาระบบโครงข่ายระบบรางครบทุกเส้นทางจะทำให้ปริมาณผู้โดยสารเดินทางระบบรางเพิ่มขึ้นอีกกว่า 30% ในปี 2575 ที่มีการพัฒนาครบทุกสายทาง” อธิบดีกรมรางฯ กล่าว.-สำนักข่าวไทย