กรุงเทพฯ 7 ส.ค.- หลายปัจจัยบวกในเดือนกรกฏาคม ดัน SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.0% ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 16,121 ล้านบาท ซื้อสุทธิครั้งแรกตั้งแต่กันยายน 2567 ครึ่งปีหลังยังมีหลายปัจจัยหนุน ทั้งฟันด์โฟลว์ไหลเข้า รวมถึงการกลับมาของหุ้นการบินไทย (THAI) อย่างไรก็ดี ยังต้องรอผลประกอบการ บจ.ไตรมาส 2 ลุ้น MSCI เพิ่มน้ำหนัก หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนกรกฎาคม 2568 SET Index ปิดที่ 1,242.35 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 14.0% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยมีปัจจัยหนุนจากหลายข่าวดีโดยเฉพาะอัตราภาษนำเข้าสินค้าสหรัฐของอินโดนิเซีย และเวียดนามกับสหรัฐฯ ที่ 19% และ 20% ตามลำดับ ซึ่งทำให้มีการวิเคราะห์ว่ารัฐบาลไทยมีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ ด้วยอัตราภาษีใกล้เคียงกันกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค ประกอบกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพี ปี 2568 ขยายตัว 2.2% รวมถึงการอ่อนค่าของดอลลาร์ ยังดึงดูดเงินทุนต่างชาติให้ไหลกลับเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะเอเชีย ซึ่งเริ่มได้รับการจัดสรรพอร์ตใหม่จากกองทุนต่างชาติ ในส่วนของตลาดหุ้นไทย Valuation น่าสนใจ และแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาทมักจะช่วยให้มีเงินทุนไหลเข้า และ SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 14 วัน จาก 21 วันทำการในเดือนกรกฎาคม 2568 ส่งผลให้มียอดซื้อสุทธิ 16,121 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกลับมาซื้อสุทธิเดือนแรกตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมอยู่ที่ 41,971 ล้านบาท ลดลง 5.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยผู้ลงทุนต่างประเทศยังคงมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ระดับ 50.68% ของมูลค่าการซื้อขายรวมในเดือนกรกฎาคม
ภาพรวมตั้งแต่ต้นปีจนถึง 31 กรกฎาคม 2568 SET Index ปรับลดลง 11.3% เดือนกรกฎาคม 2568 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มการเงิน กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 42,624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% จากเดือนกรกฎาคม 2567

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า มุมมองต่อตลาดหุ้นไทยดีขึ้น ครึ่งปีหลังหลายปัจจัยส่งสัญญาณดีขึ้น เช่น ฟันด์โฟล์วเริ่มไหลกลับมา คดีใหญ่ๆ อย่างคดีหุ้นมอร์ก็มีความชัดเจนมากขึ้นทั้งในส่วนของคดีแพ่งและอาญา รวมถึงการกลับเข้ามาซื้อขายของหุ้นบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปใหญ่กว่า 3 แสนล้านบาท เป็นการสะท้อนถึงหุ้นที่เทิร์นอะราวน์ และทำให้ขนาดตลาดใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ดี ยังต้องจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2 ว่าจะออกมาดีเหมือนที่จีดีพีถูกปรับขึ้นหรือไม่ และยังต้องติดตาม น้ำหนักการลงทุนของ MSCI ซึ่งมีผลต่อการไหลเข้ามาลงทุนของกองทุนต่างชาติ
ส่วน Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นกรกฎาคม อยู่ที่ระดับ 13.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.0 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 14.3 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.8 เท่าอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นกรกฎาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 3.95% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.17%
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เดือนกรกฎาคม 2568ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 355,290 สัญญา ลดลง 19.8% จากเดือนก่อนหน้า ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures ทำให้ในปี 2568 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 425,984 สัญญา ลดลง 11.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการลดลงของ Single Stock Futures และ Gold Online Futures.-517-สำนักข่าวไทย

