ยูโอบี เผยแนวโน้มปี 2568 โอกาสและความเสี่ยงการลงทุน ในยุคทรัมป์ 2.0

กรุงเทพฯ 27 ม.ค.-ยูโอบี คาดนโยบายทรัมป์ 2.0 จะสร้างแรงหนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับประเทศอื่นๆ พร้อมให้มุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในปี 2568 ตลาดยังคงมีแรงหนุนให้เติบโต แนะนักลงทุนเตรียมพร้อมรับมือความผันผวน

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปี 2567 เป็นปีที่โดดเด่นสำหรับสินทรัพย์เสี่ยง แม้จะเผชิญกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการเลือกตั้งในหลายประเทศทั่วโลก ดัชนี MSCI World ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 24 แม้แต่จีนที่ยังคงเผชิญกับความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา หุ้นจีนก็สามารถพลิกฟื้นจากการขาดทุนในปีก่อนหน้า โดยปิดการซื้อขายด้วยผลตอบแทนร้อยละ 20


แม้ว่าดัชนี S&P 500 จะปรับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 62 นับตั้งแต่ต้นปี 2566 แต่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในปี 2568 สำหรับภาวะเศรษฐกิจ ยังคงแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ แม้ในช่วงเวลาของนโยบายการเงินที่เข้มงวด ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และจะคงอัตราดอกเบี้ยไปตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นการปรับนโยบายเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ขณะที่การได้รับเลือกตั้งอีกครั้งของประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ โดยได้รับการสนับสนุนจากเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา คาดว่าจะสร้างแรงหนุนเพิ่มเติมให้กับเศรษฐกิจ โดยมีนโยบายสำคัญๆ ได้แก่ มาตรการลดภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียบ การกำหนดภาษีศุลกากร และการปฏิรูปการเข้าเมือง พระราชบัญญัติการลดภาษีและการจ้างงาน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “การลดภาษีของทรัมป์” มีแนวโน้มว่าอาจจะได้นำกลับมาใช้ใหม่ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของผลประกอบการบริษัทและการลงทุนในสหรัฐฯ นอกจากนี้การผ่อนคลายกฎระเบียบจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมในภาคพลังงานและการเงิน อย่างไรก็ตาม บางส่วนของพระราชบัญญัติการลดเงินเฟ้อที่ให้เงินอุดหนุนพลังงานหมุนเวียนอาจถูกยกเลิก


การใช้มาตรการกำแพงภาษีศุลกากรซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรัฐบาลทรัมป์สมัยแรกจะขยายวงกว้างขึ้น ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณจัดเก็บภาษีนำเข้าร้อยละ 25 สำหรับเม็กซิโกและแคนาดา และเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนอีกร้อยละ 10 ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ทรัมป์ได้เสนอให้เก็บภาษีนำเข้าจากจีนในอัตราร้อยละ 60 และร้อยละ 10 สำหรับสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นๆ การบังคับใช้กำแพงภาษีแบบครอบคลุมนี้จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องจากไม่สามารถทดแทนการนำเข้าทั้งหมดได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภค อันเป็นต้นทุนทางการเมือง ดังนั้น การบังคับใช้ขั้นสุดท้ายน่าจะมีความละเอียดอ่อนและทยอยดำเนินการมากกว่า

มาตรการภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากสหรัฐฯ มองว่าจีนเป็นภัยคุกคามสำคัญ ในปี 2566 สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีนมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้การใช้มาตรการภาษีศุลกากรเพื่อลดการขาดดุลการค้ากับจีนตั้งแต่ปี 2561 ยังไม่สามารถลดขาดดุลได้อย่างมีนัยสำคัญ สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากความต้องการสินค้าของสหรัฐฯ รวมถึงมีมาตรการยกเว้นภาษีหลายประการ อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่าการขาดดุลการค้าดังกล่าวอาจสูงมากขึ้น หากพิจารณาผลกระทบจากการเบี่ยงเบนการค้าของจีนที่ส่งออกผ่านประเทศอื่นๆ ไปยังสหรัฐฯ เช่น เม็กซิโกและเวียดนาม

ความแข็งแกร่งของสหรัฐฯ: ผลกระทบที่กระจายไปยังกลุ่มล่างน้อยลงจากสถิติที่ผ่านมา ในช่วงที่สหรัฐฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งมักจะส่งผลดีต่อประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในเอเชียที่เน้นการผลิต แต่สถานการณ์นี้อาจเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากนโยบาย “อเมริกามาก่อน” ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์จะส่งผลให้ภาษีศุลกากรสูงขึ้น และกระตุ้นการผลิตภายในประเทศ ส่งผลให้ประเทศที่พึ่งพาการส่งออกและมีการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ เช่น จีน เยอรมนี เวียดนาม และเม็กซิโก จะเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น


นายกิดอน เจอโรม เคสเซล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์เงินฝากและบริหารการลงทุนบุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่าการกลับมาของทรัมป์และชัยชนะของพรรครีพับลิกันในทั้ง 2 สภา จะยิ่งสนับสนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ช่วงปีที่ผ่านมาหุ้นขนาดใหญ่ (mega-caps) ในสหรัฐฯ เป็นตัวหลักที่ผลักดันผลตอบแทนของดัชนีโดยรวม ในปี 2568 นักลงทุนอาจพิจารณาโอกาสลงทุนในหุ้นอื่นๆที่ไม่ใช่กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่เพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่า เนื่องจากหุ้นเหล่านั้นมีมูลค่าที่ถูกกว่าและมุ่งเน้นตลาดในประเทศมากกว่า โดยมีการปรับประมาณการผลประกอบการในหุ้นที่ไม่ใช่กลุ่ม ‘Magnificent Seven’ เพิ่มขึ้น เนื่องจากคาดว่าผลกำไรจะกระจายไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว จะทำให้หุ้นนอกเหนือจากหุ้นขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้น เช่น หุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ รวมไปถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์จากการยกเลิกกฎระเบียบต่างๆ ได้แก่ กลุ่มการเงิน เทคโนโลยี และพลังงาน

นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ได้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาคเทคโนโลยี โดยเพิ่มมูลค่าตลาดกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับบริษัทชั้นนำ 5 แห่ง ผู้ได้รับประโยชน์อันดับต้นๆ เช่น Nvidia ได้รับการปรับเพิ่มประมาณการรายได้ทันทีจากการแข่งขันเพื่อฝึกโมเดลต่างๆ ที่ต้องการพลังการคำนวณมหาศาล อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าผู้นำในอุตสาหกรรมในที่สุดจะขยายไปยังบริษัทที่สามารถเพิ่มมูลค่าผ่านแอปพลิเคชัน เช่น บริษัทซอฟต์แวร์ เป็นต้น ภาคส่วนที่สำคัญต่อการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพในระยะยาวที่จะมีเห็นยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภค เป็นต้น

สำหรับเศรษฐกิจนอกสหรัฐฯ นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับประเทศที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ น้อยลง ในขณะที่จีนยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดและความเสี่ยงจากกำแพงภาษี แม้ว่าตลาดมีการปรับตัวจากปัจจัยเหล่านี้ไปบางส่วนแล้ว รัฐบาลจีนยังสามารถผ่อนคลายและกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มการบริโภคในประเทศได้ แต่จนถึงขณะนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนยังคงดำเนินการด้วยความระมัดระวัง นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในจีนควรมุ่งเน้นไปยังภาคอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งมีความผันผวนต่ำ เน้นการบริโภคภายในประเทศ และจ่ายเงินปันผลสูง

“แนวโน้มตลาดหุ้นเอเชียยังส่งสัญญาณที่ไม่ชัดเจน แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนจากความตึงเครียดทางการค้าและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนที่ไม่แน่นอน แต่มูลค่าตลาดหุ้นเอเชียยกเว้นญี่ปุ่นยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ รายได้ของบริษัทต่างๆยังมีแนวโน้มแข็งแกร่ง และเมื่อรวมกับความเป็นไปได้ในการออกมาตรการการกระตุ้นทางการคลังเพิ่มเติมของจีนอาจช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลง นักลงทุนควรเน้นความคล่องตัวและเชิงรุกในการลงทุนในหุ้นเอเชียและจีนเพื่อคว้าโอกาสและลดความผันผวนของพอร์ตโฟลิโอ หุ้นปันผลคุณภาพสูงของเอเชียยังให้รายได้ที่น่าสนใจ นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถพิจารณาการกระจายการลงทุนไปเพิ่มเติมในหุ้นอาเซียน” นายกิดอน กล่าวเสริม

ท่ามกลางการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่ง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังคงจำกัด แต่อย่างไรก็ตาม ตราสารหนี้ยังคงมีบทบาทสำคัญในพอร์ตการลงทุน หลายนโยบายมีแนวโน้มที่จะส่งเสริมการเติบโตอย่างชัดเจน แต่บางนโยบาย เช่น การเนรเทศแรงงานผิดกฎหมายจำนวนมาก อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของสหรัฐฯ และทำให้เงินเฟ้อในภาคบริการสูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงนโยบายเชิงโครงสร้างมักนำมาซึ่งความผันผวน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปีที่ร้อยละ 4.6 อยู่ในระดับค่าเฉลี่ยระยะยาว การลงทุนในตราสารหนี้จะช่วยกระจายความเสี่ยงจากหุ้นในขณะที่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม นักลงทุนอาจพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้กลุ่มที่ใช้ในการระดมทุนของธนาคาร เช่น ตราสารหนี้ประเภท AT1, T2 และ Senior TLAC เป็นต้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนตราสารหนี้ที่หลากหลาย เรายังคงแนะนำให้จัดสรรการลงทุนในทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง เนื่องจากทองคำมีผลการดำเนินงานที่ดีในปี 2567 และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและการเข้าซื้อทองคำจากธนาคารกลางของประเทศต่างๆ จะยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนอยู่

โดยรวมแล้ว เราคาดว่าตลาดจะยังคงมีแรงหนุนให้เติบโตในปี 2568 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรเตรียมพร้อมสำหรับช่วงเวลาของความผันผวนจากความไม่แน่นอนจากนโยบาย แม้ว่าผลตอบแทนจากตลาดหุ้นโดยรวมจะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น แต่คาดว่าอัตราผลตอบแทนไม่น่าจะสูงเท่ากับสองปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เรายังคาดว่าผลตอบแทนจากหุ้นจะกระจายตัวมากขึ้น และหมายถึงโอกาสในการทำผลตอบแทนที่ดีกว่าให้กับนักลงทุนด้วย.-516.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย