บล.เคจีไอ ส่ง 2 DR ใหม่ เทรดวันแรกในSET ลงทุนธุรกิจ AI ในไต้หวัน

กรุงเทพฯ 17 ม.ค.- บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) จับมือกองทุนที่ไต้หวันเปิดตัว 2 DR ใหม่ “TaiwanAI13” และ “TaiwanHD13” เข้าเทรดวันแรกในตลาดหุ้นไทย ลงทุนธุรกิจ AI ในไต้หวัน ด้าน ผจก.ตลท. เผยปี 2567 DR มี Market Cap ราว 3 หมื่นล้านบาท รวม DR จดทะเบียนทั้งสิ้น 67 หลักทรัพย์

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาด และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX
และ ดร. จื้อ-หง หลิน กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) พร้อมผู้บริหาร ร่วมพิธีเปิดการซื้อขายวันแรกของตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ DR “TAIWANA113“ และ TAIWANHD13″ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ


นายอัสสเดช กล่าวว่า ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ DR เป็นทางเลือกในการลงทุนที่ได้รับความสนใจเพิ่มสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 DR มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม ( Market Capitalization) ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับประมาณ 1 หมื่น 7 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 70% สำหรับมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ DR นั้น ในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 245 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 134 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 80% ในปัจจุบันมี DR จดทะเบียนทั้งสิ้น 65 หลักทรัพย์ (รวมถึงวันนี้เป็น 67 หลักทรัพย์) ซึ่งเป็น DR ที่อ้างอิงกับทั้งหุ้นรายตัว และ ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ถือเป็นโอกาสสำคัญของผู้ลงทุนไทยที่จะมีทางเลือกในการลงทุนหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นปันผลของไต้หวันผ่าน DR ที่อ้างอิงกับกองทุนอีทีเอฟไต้หวัน

โดย KGI Taiwan Premium Selection AI 50 ETF นั้นลงทุนในหุ้น 50 บริษัทที่มีรายได้หลักจากธุรกิจ Artificial Intelligence หรือ AI โดยคัดเลือกหุ้นตามมูลค่าราคาตลาดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน ส่วน KGI Taiwan Premium Selection High Dividend 30 ETF นั้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ 30 ตัวในไต้หวันที่มีผลกำไรดีและจ่ายเงินปันผลสูงต่อเนื่อง ซึ่งนับว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการกระจายการลงทุนในพอร์ตไปยังต่างประเทศของผู้ลงทุนบุคคล


ดร. จื้อ-หง หลิน กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทออก Depositary Receipt หรือ “DR” มาพร้อมกัน 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ “TaiwanAI13” สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนไปกับการเติบโตของอุตสาหกรรม AI ของโลก และ “TaiwanHD13” เหมาะกับการลงทุนระยะยาวไปกับเศรษฐกิจไต้หวัน

เนื่องจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเศษฐกิจไต้หวันเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยปีที่แล้วนิตยสาร Forbes จัดให้ไต้หวันเป็นประเทศที่มีความร่ำรวยอันดับที่ 14 ของโลก โดยพิจารณาจากค่า GDP ต่อประชากร การเติบโตนี้ขับเคลื่อนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและ AI ทั่วโลก โดยไต้หวันซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญของโลกใน AI Supply Chain ได้แก่ ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีผลิตชิพ Semiconductor นำโดยบริษัท TSMC ที่ผลิตชิพประมวลผลที่ทันสมัยที่สุดในโลก และยังมีบริษัทชั้นนำที่ผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยความจำ แผงวงจร เป็นต้น

ตลาดหุ้นไต้หวันจึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากนักลงทุนทั่วโลก อย่างไรก็ตามการลงทุนในตลาดหุ้นไต้หวันของนักลงทุนต่างชาติมีข้อจำกัดหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะข้อจำกัดการถือหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของไต้หวันซึ่งถือว่าเป็นการเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ จึงเป็นสาเหตุว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไต้หวันทางอ้อมผ่านกองทุนอีทีเอฟจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และมีสภาพคล่องสูง


บล.เคจีไอ ได้มีการออก DR 2 หลักทรัพย์ลงทุนในกองทุนอีทีเอฟที่ตลาดหุ้นไต้หวัน ประกอบด้วย

1)“TaiwanAI13” เป็น DR ที่ลงทุนในกองทุนอีทีเอฟ KGI Taiwan Premium Selection AI 50 ETF (รหัส 00952.TW) โดยเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นแนวหน้าของยุคแห่ง AI Revolution โดยแบ่งเป็น 4 เสาหลักของการพัฒนา AI Data: ลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง รวบรวมฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งจะถูก AI algorithm นำไปใช้ประมวลผลต่อ โดยบริษัทเหล่านี้ยังเกี่ยวข้องกับธุรกิจการวิเคราะห์ฐานข้อมูล (Data analytic and data mining) และการให้บริการจัดเก็บฐานข้อมูล (Data storage solution)
Computing Power: ลงทุนในบริษัทที่พัฒนาและผลิตอุปกรณ์ชิพที่ใช้ขับเคลื่อนการประมวลผลของ AI เป็นบริษัทที่ผลิตชิพ GPU (Graphic Processing Unit) และ TPU (Tensor Processing Unit) รวมทั้งระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูง
Algorithms: ลงทุนในบริษัทที่พัฒนาการอัลกอริทึมในการพัฒนา AI เป็นบริษัทที่ค้นคว้าวิจัย เกี่ยวกับ Machine Learning และ Deep Learning
Applications: ลงทุนในบริษัทที่นำ AI ไปประยุกต์ใช้พัฒนาเป็นโซลูชั่นผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ

2)“TaiwanHD13” เป็น DR ที่ลงทุนในกองทุนอีทีเอฟ KGI Taiwan Premium Selection High Dividend 30 ETF (รหัส 00915.TW) ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ปันผลสูงในไต้หวัน และได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจที่เติบโตของไต้หวัน โดยกองทุนนี้ถือว่าเป็นกองทุนที่ทำผลตอบแทนได้ดีที่สุดในบรรดากองทุนประเภทปันผลสูงในไต้หวัน 2 ปีติดต่อกัน โดยมีผลตอบแทน 60.9%ในปี 2023 และ 22.6% ในปี 2024
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thaiwarrant.com/dr/search/dr13 .-516.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พายุคาจิกิกระทบหลายจังหวัดเหนือ-อีสาน

27 ส.ค. – ผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” ส่งผลหลายจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน ฝนตกหนัก อย่าง จ.แม่ฮ่องสอน น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม ส่วน จ.เลย แม่น้ำเหืองเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.นาแก้ว อ.นาแห้ว ชาวบ้านต้องเร่งยกสิ่งของขึ้นที่สูง พายุคาจิกิเคลื่อนตัวสู่ จ.น่าน ทำให้ 6 อำเภอทางตอนเหนือของเมืองน่าน มีฝนตกหนักและเริ่มมีน้ำป่าหลากดินสไลด์ใน ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น ชาวบ้านตามชุมชนและร้านค้าต่างๆ เร่งเก็บข้าวของไว้บนที่สูง อย่างชุมชนสวนตาลล่าง ซึ่งยังไม่ทันฟื้นฟูความเสียหายจากพายุวิภาเมื่อเดือนที่แล้ว ต้องเตรียมพร้อมกันอีกรอบ อย่างร้านจำหน่ายแอร์และกล้องวงจรปิดร้านนี้ ซึ่งครั้งที่แล้วเสียหายไปกว่า 6 ล้านบาท ต้องขนสินค้าออกจากร้านและยกขึ้นชั้น 2 หวั่นเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะเดียวกันเริ่มอพยพผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในจุดเสี่ยงน้ำท่วมออกมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงแล้วกว่า 20 ราย รวมทั้งเร่งเสริมคันดินและกระสอบทรายตามจุดเสี่ยงรอบเมือง โดยเฉพาะโรงพยาบาลน่าน ที่เคยถูกน้ำท่วมเสียหายเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งขนอุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่ไปไว้ในที่ปลอดภัย และเสริมแนวกระสอบทรายป้องกันไว้แล้ว พร้อมยกระดับยกระดับการป้องกันและรับมือกับพายุคาจิกิขั้นสูงสุด ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีผู้ใช้โซเชียลโพสต์คลิปสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงช่วงบ่ายวานนี้ (26 ส.ค.) ในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม […]

ทบ.ย้ำชัดกัมพูชาบิดเบือน-ให้ร้าย ตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000

27 ส.ค.- โฆษก ทบ.โต้กัมพูชา กล่าวหาบิดเบือนพยายามให้ร้ายฝ่ายไทย ย้ำชัดวางลวดหนาม “บ้านหนองจาน” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย ชี้เขมรตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000 จากกรณีที่สำนักข่าว Fresh News รายงานว่า นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา–ไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการวางลวดหนามรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งสะท้อนถึงฝ่ายไทยได้ขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน และจากการประชุม GBC เมื่อ 7 สิงหาคม 2568 มีบันทึกความเข้าใจ 13 ข้อ ระบุว่าจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ และจะหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น รวมถึงตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ห้ามการดำเนินการใด ๆ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน ฝนตกหนักบางพื้นที่

กรุงเทพฯ 27 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนประชาชนโดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนภาคกลาง รวมทั้ง กทม.-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมกำลังค่อนข้างแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน […]

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]