กรุงเทพฯ 28 ต.ค. – “นภินทร” หารือร่วมค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ บูมอุตสาหกรรมเพลงไทยสู่สากล ต่อยอดหลังปี 2023 ตลาดเพลงในไทย มีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่ 5 ของเอเชีย สูงถึง 3,600 ล้านบาท
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดการประชุมคณะกรรมการสมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศ (IFPI) แห่งภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก (IFPI Asia-Pacific Regional Board Meeting) ณ โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท โดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศ (IFPI) ได้หารือเพื่อวางเป้าหมายในการผลักดันอุตสาหกรรมเพลงไทยให้เติบโตและเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เพลงไทยเติบโตในยุคดิจิทัล คือ ทรัพย์สินทางดนตรี (Music IP) ซึ่งหมายถึงสิทธิหรือลิขสิทธิ์เพลงที่เป็นจุดแข็งเชิงกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ค่ายเพลง มีรายได้ต่อเนื่องและยาวนานหลายสิบปี ในขณะเดียวกันเทคโนโลยี AI ก็กลายเป็นหนึ่งในความท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมเพลงทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
“อุตสาหกรรมเพลงไทยกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีผลงานเพลงไทยได้รับความนิยมทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์มอบหมายกรมทรัพย์สินทางปัญญาในฐานะองค์กรหลักในการขับเคลื่อนทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศเดินหน้าเป็นฟันเฟืองหลักสนับสนุนศิลปินและธุรกิจเพลงไทย เพื่อยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมเพลงไทย ให้เป็นหนึ่งใน hidden gem ที่พร้อมส่องประกายบนเวทีโลก”
ในวันนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่กระทรวงพาณิชย์จะได้ร่วมหารือกับ CEO ของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ เช่น Sony Music Entertainment Universal Music Group และ Warner Music Group ซึ่งเป็นคณะกรรมการบริหาร (Executive Committee) ของสมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศ (IFPI) ซึ่งเป็นองค์กรมีสมาชิกกว่า 8,000 บริษัทจากกว่า 70 ประเทศ เพื่อหาแนวทางความร่วมมือในการส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงไทย สร้างเครือข่ายที่ทรงพลัง เพื่อช่วยส่งเสริมให้ศิลปินไทยสามารถสร้างรายได้จากผลงานเพลงของตนอย่างเต็มศักยภาพและขยายไปสู่ตลาดสากลได้อย่างมั่นคง
โดยแม้ไทยจะเป็นตลาดขนาดเล็ก แต่มีศักยภาพที่น่าทึ่ง โดยในปี 2023 ตลาดเพลงในไทย มีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่ 5 ของเอเชีย ผ่านเม็ดเงิน 107.7 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3,600 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้สูงสุดในอาเซียน และมากกว่าจีนฮ่องกง รวมถึงจีนไทเป โดยมูลค่าดังกล่าวเติบโต 6.3% จากปี 2022 ซึ่งความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมเพลงในฐานะเครื่องมือสำคัญภายใต้กลยุทธ์ซอฟต์พาวเวอร์เพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่เวทีโลก และกระทรวงพาณิชย์มีแผนเดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเพลงไทยให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งอยู่ระหว่างการจัดทำร่างกฎหมายเพื่อกำกับดูแลการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ในประเทศไทยให้มีความโปร่งใสและเป็นธรรม เป็นประโยชน์แก่ทั้งเจ้าของลิขสิทธิ์และผู้ใช้งาน เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ดีให้อุตสาหกรรมเพลงไทยสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน. -511-สำนักข่าวไทย