ทำเนียบฯ 3 ก.ย. – ครม. กำชับทุกหน่วยงาน เร่งแก้ปัญหาสินค้าจีนไม่ได้มาตรฐานทุ่มตลาดไทย คุมเข้มนอมินี เร่งออกกฎหมายให้แพลตฟอร์ม จดทะเบียน VAT รอ ครม.ชุดใหม่ ตั้งศูนย์เฉพาะกิจแก้ปัญหา
นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุม ครม.โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันรับมือปัญหาสินค้าขาดมาตรฐาน ไหลเข้าสู่ไทย จากการซื้อสินค้าผ่าน E-Commerce เพื่อไม่ให้กระทบกับเอสเอ็มอีของไทย ผ่าน 5 มาตรการ คือ 1.การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยบูรณาการตรวจเข้มสินค้า ณ ด่านศุลกากร ตั้งแต่การสำแดงพิกัดสินค้า การชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม การตรวจมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และใบอนุญาต อย. การเพิ่มความถี่เปิดตู้สินค้า การตรวจสอบสินค้ามาตรฐานจำหน่ายออนไลน์ ใช้มาตรการเชิงรุกตรวจสอบผู้ประกอบการ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายไทย ติดตามนอมินี โดยมีผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นคนไทย เพื่อขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด
2.การปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบให้สอดคล้องกับการค้าในอนาคต โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) กำลังยกร่างประกาศให้ผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มต่างประเทศขายสินค้าในประเทศตามกำหนด ‘ต้องจดทะเบียนนิติบุคคล โดยมีสำนักงานในไทย’ เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและคุ้มครองผู้บริโภคไทย สำนักงาน สมอ.ต้องเร่งเพิ่มจำนวนรายการสินค้าควบคุมให้ครอบคลุมรายการสินค้าให้มากที่สุด
3.มาตรการภาษี สั่งการให้กรมสรรพากรเร่งปรับปรุง แก้ไขประมวลรัษฎากร กำหนดให้ผู้ขายสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ และแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ จำหน่ายสินค้าในประเทศ ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศ จัดอบรมให้ความรู้เชิงเทคนิคกับภาคเอกชนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ รองรับสินค้าออนไลน์ไหลทะลักเข้าสู่ไทย
4.มาตรการช่วยเหลือ SMEs ไทย มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์, กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, กรมพัฒนาชุมชน, สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เร่งพัฒนาศักยภาพการผลิตสินค้า ส่งเสริม ผู้ประกอบการ SMEs ไทย รองรับการแข่งขัน ภายใต้มาตรฐานการค้าโลกยุคใหม่ ผ่าน E-Commerce
5.การสร้างความร่วมมือกับประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้น เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เพื่อส่งเสริมการค้าผ่านช่องทาง E-Commerce เพื่อผลักดันสินค้าไทยผ่าน E-Commerce ไปตลาดต่างประเทศให้ผู้ประกอบการไทย รวมถึงส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางรวบรวมและกระจายสินค้าสำหรับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในระดับภูมิภาค และจัดทำแผนตั้งศูนย์เฉพาะกิจ เพื่อให้ ครม.ชุดใหม่ เร่งผลักดัน เดินหน้าแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
ครม.ยังสั่งการให้ส่วนราชการออกมาตรการและจัดทำแผนฟื้นฟู ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบปัญหาอุทกภัย และซ่อมแซมส่วนราชการ เพื่อให้กลับมาเปิดให้บริการกับประชาชน. -515-สำนักข่าวไทย