กรุงเทพฯ 19 ส.ค. – ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยพร้อมร่วมงานกับ ครม.ใหม่ ที่มี “แพทองธาร” เป็นผู้นำรัฐบาล ชี้อายุไม่เป็นอุปสรรค โดยคนรุ่นใหม่สามารถทำงานกับคนรุ่นใหญ่ได้เพื่อให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว แนะเร่งแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน โดยเฉพาะเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่ต้องมีความชัดเจน แต่หากจะแจกเงินสด เห็นว่า เป็นเรื่องดี โดยควรแจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยเห็นว่า เป็นเรื่องที่ดีที่มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่โดยไม่เกิดสุญญากาศ หวังว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร จะจัดตั้ง ครม. ชุดใหม่ได้ในเร็ววันเพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจให้กลับมา ทั้งนี้ การที่นายกรัฐมนตรีอายุน้อย เห็นว่า ไม่เป็นปัญหา หอการค้าหลายจังหวัดก็เป็นคนรุ่นใหม่ซึ่งสามารถทำงานได้ดี คนรุ่นใหม่สามารถทำงานร่วมกับคนรุ่นใหญ่ได้ หอการค้าไทยพร้อมร่วมงานกับรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
สำหรับประเด็นที่เห็นว่า ครม.ใหม่ต้องเร่งแก้ไขในระยะสั้นคือ การรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่แข็งค่ามากเกินไปซึ่งจะเอื้อต่อภาคการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ช่วยสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวให้เติบโตต่อเนื่อง การรักษาโมเมนตัมภาคการท่องเที่ยว โดยเฉลี่ยนักท่องเที่ยวเข้ามาเดือนละ 3 ล้านคน ส่วนนี้อยากให้มีการผลักดันและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว รวมไปถึงการดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ตลอดจนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและบริการ เพื่อให้นักท่องเที่ยวปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 36-37 ล้านคน ขณะเดียวกัน ควรณรงค์ “เมืองน่าเที่ยว” อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การท่องเที่ยวโดดเด่นและเกิดการกระจายตัว กระจายรายได้จากแหล่งท่องเที่ยวเมืองหลักไปสู่เมืองน่าเที่ยว รวมถึงเดินหน้าแผนการกระจายการลงทุนไปจังหวัดนำร่อง 10 จังหวัด ที่หอการค้าฯ ได้ทำร่วมมาช่วงก่อนหน้านี้ต่อ
พร้อมกันนี้แนะให้เร่งแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน หลายคนรอเงินดิจิทัลวอลเล็ต ว่า จะแจกหรือไม่ รัฐบาลใหม่ต้องทำให้ชัดเจนเร็วที่สุด แต่หากจะเปลี่ยนไปแจกเงินสด หอการค้าไทยแสดงจุดยืนมาตลอดว่า ควรแจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง โดยสิงคโปร์เป็นตัวอย่างของประเทศที่แก้ปัญหาเรื่องปากท้องและกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินสด ประชาชนสามารถนำไปจับจ่ายใช้สอยได้ทันที โดยควรดำเนินการภายในปีนี้
ทั้งนี้ การเดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศ เพื่อให้การส่งออกของไทยให้ขยายตัวได้ในช่วงที่เหลือไม่ต่ำกว่า 2% ต่อเนื่องจากที่ช่วงก่อนหน้านี้ไปเชิญชวน ให้มีการเจรจาและเชิญหลายบริษัทมาลงทุนที่ประเทศไทย การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 ให้กระจายไปทุกภูมิภาค ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างเด่นชัด และควรเร่งจัดทำงบประมาณปี 68 ให้เสร็จสิ้นตามกระบวนการหรือในกรอบระยะเวลาที่กำหนด
ขณะเดียวกัน การดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล ยังเป็นปัญหาของไทยที่ยังขาดบุคคลากรที่มีความพร้อมในด้านทักษะที่เพียงพอ ตลอดจนปัญหาด้านต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ยังสูงและกฎหมายที่ล้าสมัยไม่เอื้อต่อการเข้ามาลงทุน สิ่งเหล่านี้เป็นโจทย์ที่รัฐบาลต้องแก้ไข ซึ่งนอกจากที่รัฐบาลจะเป็นเซลล์แมนแล้วจะต้องปิดการขายให้ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาประเทศไทยมีจีดีพีเติบโตเฉลี่ย 2% ซึ่งต่ำกว่าศักยภาพและไม่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ดังนั้น ในระยะกลางและระยะยาว เป็นโจทย์สำคัญที่รัฐบาลต้องวางกลยุทธ์สำหรับประเทศ เพื่อทำให้จีดีพีของไทยเติบโตไม่ต่ำกว่า 3 – 5% ต่อปี
นายสนั่น กล่าวย้ำว่า พรรคร่วมรัฐบาลจำเป็นต้องทำงานร่วมกันอย่างมีเอกภาพ เพื่อให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพ สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเข้ามาลงทุนจากต่างประเทศ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชนที่เป็นตัวจริงด้านการค้า และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ซึ่งหอการค้าในทุกจังหวัดที่พร้อมจะทำงานสนับสนุนร่วมกันกับภาครัฐ. -512-สำนักข่าวไทย