คลังเตรียมศึกษาจ่ายเงินผู้มีรายได้น้อย

รร.พลาซ่าฯ 25  ส.ค. – คลังเตรียมศึกษาการจ่ายเงินสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย เปิดให้ลงทะเบียนอีกรอบสำหรับมีรายชื่อรอบแรก เพื่อรับเงินเข้าบัญชี 


นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า การคัดเลือกคุณสมบัติผู้มีรายได้น้อยให้ตรงตามกำหนดจากยอดทั้งหมด 14 ล้านคน เหลือ 11.6 ล้านคน เนื่องจากมีที่ดิน ทรัพย์สิน และรายได้เกิน 100,000 บาทต่อปี เกินกว่าที่กำหนด  ยอมรับว่าผู้ลงทะเบียนมีทั้งระดับ ดร.ลงทะเบียนถึง 600 คน ระดับปริญญาโทกว่า 1,000 คน จึงต้องพิจารณาดูว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีปัญหาอย่างไรบ้างจึงมาลงทะเบียน  เมื่อรัฐบาลจัดสรรสวัสดิการให้ผู้มีรายได้น้อยระยะแรกแล้ว  ตามความจำเป็นพื้นฐานค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า จากนั้นระยะ 2 เตรียมพิจารณาจ่ายเงินเข้าบัญชีสำหรับผู้รายได้น้อยต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท เบื้องต้นกำหนดให้กลุ่มคนที่ลงทะเบียนแล้วกลับมาลงทะเบียนอีกรอบผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน เพื่อยืนยันตัวตน เพื่อเสนอ ครม.คาดว่าการจ่ายเงินจะเริ่มได้ต้นปีหน้า 

ด้วยการกำหนดเงื่อนไขให้ปฏิบัติด้านต่าง ๆ  ทั้งการทำบัญชีครัวเรือน การฝึกอบรมทำอาชีพให้ความรู้  และต้องมีรายได้สูงกว่าเดิมในปีถัดไป  เพื่อเป็นแรงจูงใจในการทำตามข้อกำหนด  รวมทั้งการศึกษามาตรการดูแลกลุ่มคนพิการ คนชรา ที่มีปัญหาหนี้นอกระบบ เหล่านี้คงทำงานเหมือนคนทั่วไปไม่ได้ จึงต้องมีแนวทางช่วยเหลือแตกต่างกัน ยอมรับว่าข้อมูลการช่วยเหลือของรัฐบาลเริ่มช่วยเหลือถูกตัวตนมากขึ้น จึงทำให้ประหยัดงบประมาณจำนวนมากและนำมาช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มขึ้น  ภาคเอกชนจึงสามารถบริจาคเงินเข้ากองทุนสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยและนำค่าใช้จ่ายหักลดหย่อนภาษีได้ เพราะเข้าข่ายการบริจาคผ่านกองทุน  มูลนิธิ สำหรับฐานข้อมูลผู้ลงทะเบียนผ่านการตรวจคุณสมบัติ 11.6 ล้านคน แบ่งเป็นผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนมีสัดส่วน 1/3 ของผู้ลงทะเบียน  และผู้พิการ 300,000 คน เป็นผู้ไม่มีรายได้สัดส่วน 1/5 ของผู้ลงทะเบียน  เกษตรกร 4 ล้านคน รับจ้างอิสระและค้าขาย 3 ล้านคน 


นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติม จากตัวเลขจีดีพีของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไตรมาส 2 ขยายตัวร้อยละ 3.7 คาดว่าครึ่งปีหลังจีดีพีจะดีขึ้นต่อเนื่อง เพราะเงินลงทุนภาครัฐที่ค้างอยู่ไตรมาส 2 หลายโครงการเริ่มออกสู่ระบบไตรมาส 3-4 ทำให้เม็ดเงินลงทุนออกสู่ระบบชัดเจนขึ้น แม้ว่าตัวเลขผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะออกมา แต่มองว่ากระทบไม่มากเพียงร้อยละ 0.01 ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลังยังเติบโตได้ดี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง