กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – หุ้นไทยครึ่งปีแรกยังเคลื่อนไหวแย่กว่าตลาดหุ้นโลกต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดย SET Index ปรับตัวลงราว -7% คาดหุ้นไทยครึ่งหลังของปี 67 มีแนวโน้มฟื้นตัวจากการใช้จ่ายงบฯ รัฐ มาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน ThaiESG-คุมเข้มขายชอร์ต
บล.ทิสโก้ ระบุตลาดหุ้นไทยครึ่งปีแรกยังเคลื่อนไหวแย่กว่าตลาดหุ้นโลกต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดย SET Index ปรับตัวลงราว -7% YTD vs MSCI World Index ปรับตัวขึ้น +10% ถูกกดดันจากงบประมาณปี 2567 มีความล่าช้าถึง 7 เดือน ทำให้เศรษฐกิจไทยโตต่ำ และคาดการณ์ GDP ไทยถูกหั่นลงมาต่อเนื่อง สวนทางประเทศอื่น ๆ ในตลาดเกิดใหม่ที่ส่วนใหญ่ GDP เริ่มมีแนวโน้มปรับขึ้น
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผอ.อาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ ระบุด้วยว่า ความไม่แน่นอนของปัจจัยการเมืองในประเทศ ยิ่งซ้ำเติมความเชื่อมั่นนักลงทุนให้แย่ลงอีก โดยเฉพาะในมุมมองของนักลงทุนต่างชาติที่ปีนี้ขายสุทธิหุ้นไทยแล้วมากกว่า 1.1 แสนล้านบาท ขณะที่ภาพทางเทคนิคยังคงเป็นแนวโน้มการแกว่งในกรอบขาลงต่อไปตราบใดที่ SET Index ยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมายืนระดับ 1,330 และ 1,350 ตามลำดับ
ปัจจัยการเมืองในประเทศที่ต้องติดตามคือ คดียุบพรรคก้าวไกล ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาใหม่ในวันที่ 3 ก.ค. และกำหนดให้คู่กรณีเข้ามาตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 9 ก.ค. ส่วนคดีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ส่งหลักฐานเพิ่มและนัดพิจารณาใหม่ในวันที่ 10 ก.ค. นี้ ดังนั้น หากไม่มีการไต่สวนหรือเรียกหลักฐานเพิ่มเติมอีก ทั้ง 2 คดีคาดจะมีความชัดเจนเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือน ก.ค. เป็นอย่างเร็วที่สุด แต่หากมีการไต่สวนหรือเรียกหลักฐานเพิ่มเติมอีก ก็ต้องใช้เวลาที่นานขึ้น ซึ่งจะเป็นเรื่องที่กดดันตลาดค้างคากันต่อไป
“ยังคงเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวในครึ่งปีหลังตามการเติบโตทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นจากการใช้จ่ายด้านการคลังหลังงบประมาณปี 2567 ที่ล่าช้าก่อนหน้านี้เร่งเบิกจ่ายต่อเนื่อง และการทยอยออกมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ผสานกับมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน ทั้งการคุมเข้มการขายชอร์ต เช่น มาตรการ Uptick และการส่งเสริมการออมการลงทุน โดยปรับเงื่อนไข TESG ให้จูงใจนักลงทุนมากขึ้น คาดจะเป็นผลดีต่อตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง เรายังคงเป้าหมาย SET Index สิ้นปีนี้ที่ 1,500 จุด (อิงจาก Fwd. PER ที่ 16.6 เท่า และ SET EPS ปีหน้าที่ 90.5 บาท)”นายอภิชาติ ระบุ
หุ้นเด่นในเดือน ก.ค. เราให้ความสำคัญกับหุ้นบลูชิพขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะเป้าหมายการลงทุนของ TESG เด่น AOT, BDMS, CPALL, PTT ผสานกับหุ้นที่คาดงบไตรมาส 2/67 จะออกมาดี และหุ้นที่มีโอกาสถูกซื้อคืน (Short Covering) หลังมีมาตรการคุมเข้มการขายชอร์ต แนะนำ AAI, AWC, CBG, CPF
บล.เอเซีย พลัส ระบุช่วงครึ่งแรกปี 67 ตลาดหุ้นไทยเผชิญศึกรอบด้าน เริ่มต้นด้วยตัวเลขเศรษฐกิจตกต่ำ โดย GDP ไตรมาส 1/67 โตเพียง 1.5% ลดลงจาก 1.7% ในไตรมาส 4/66 รวมถึงกำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4/66 ลดเหลือ 1.76 แสนล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 5 ไตรมาส และยังเผชิญสงครามตะวันออกกลางต่อเนื่อง ขณะที่การเมืองไทยร้อนแรง ส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติไหลออก 1.1 แสนล้านบาท กดดัน SET Index ปรับตัวลง -8% มาใกล้กับระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี
การเริ่มต้นครึ่งหลังของปีภาพเศรษฐกิจโลกที่ดูผ่อนคลายลง จากความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย ท่ามกลางวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงเริ่มชัดเจน โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 3/67 เชื่อว่าจะช่วยลดแรงกดดันต่อ อัตราแลกเปลี่ยน หนุนให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่ SET Index จะดีขึ้นตามลำดับ จากความกังวลสถานการณ์การเมืองอาจมีแรงกดดันลดลง
ขณะที่เศรษฐกิจไทย Bottom out จากหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายภาครัฐ (G) ภาคการการลงทุน (I) รวมถึงภาคการบริโภค (C) คาดเป็นตัวช่วยให้ GDP Growth ไทยทยอยเติบโตเป็นขั้นบันได และประเมินกำไรงวดไตรมาส 2/67 ทรงตัวในระดับ สูงมีโอกาสอยู่ในกรอบ 2.3-2.7 แสนล้านบาท เติบโต YOY จากฐานที่ต่ำมีแรงหนุนเพิ่มจากค่าเงินบาทอ่อน และราคาน้ำมันยืนระดับสูงหนุน Traling P/E ค่อยๆถูกลง ส่วน Fund Flow ต่างชาติไหลออกจากเอเชียใต้ และไหลออกจากตลาดหุ้นไทย มากที่สุดกว่า 1.1 แสนล้านบาท อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมายังขายหุ้นไทยติดต่อกัน 26 วันทำการ เป็นการขายติดต่อกันที่ยาวนานที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ พร้อมกับมีสัดส่วน Short Sell สูงถึง 13% -17% ของมูลค่าซื้อขาย
อย่างไรก็ตาม Downside ของ SET Index จำกัดเช่นกัน หลังดัชนีย่อตัวลงมาจน Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจมาก ณ SET Index ที่ 1300 จุด มี P/E67F ที่ต่ำเพียง 14.2 เท่า (ต่ำกว่า -1SD), PBV 1.22 เท่า (ต่ำกว่า -2SD) และ Dividend Yield สูง ถึง 3.5% (สูงกว่า+1SD) ส่วนแรงผลักดันดัชนีในช่วงไตรมาสที่ 3 ประกอบด้วยการเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ, รอรับเม็ดเงินจากกองทุน ThaiESG ใหม่เข้ามาหนุน และเริ่มเพิ่มเสถียรภาพจากตลาดหลักทรัพย์ อย่าง Uptick คาดจะช่วยหนุนให้ ดัชนีค่อยๆ ทยอยฟื้นตัวกลับ ขึ้นไปเหนือ 1,400 จุด อีกครั้งได้ในไตรมาสนี้
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นพื้นฐานดี ได้เม็ดเงิน ThaiESG ใหม่ เข้ามาหนุนกับ 2 ธีมหลัก หุ้นได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ AOT, CK, GUNKUL และหุ้นปันผลระหว่างกาลสูง SIRI, ADVANC, TTB, TU. -511- สำนักข่าวไทย