ขนส่งฯ เล็งต่อใบขับขี่รถยนต์ออนไลน์ โดยไม่ต้องไปที่ สนง.ขนส่ง

กรุงเทพฯ 10 มิ.ย.- กรมการขนส่งทางบก เล็งอนุญาตให้ต่อใบขับขี่รถยนต์ทางออนไลน์ โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สำนักงานขนส่งด้วยตนเอง เร่งประสานแพทยสภา กรมการปกครอง เชื่อมโยงระบบ พร้อมเร่งส่งเสริมการใช้รถพลังงานสะอาดในระยะยาว เก็บภาษีประจำปีรถตามปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ขณะที่ กนอ.แนะรัฐสนับสนุนรถไฮบริด ป้องกันการย้ายฐานการผลิตของค่ายรถยนต์


นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกมีแนวคิดที่จะอนุญาตให้ผู้ที่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สามารถต่ออายุใบอนุญาตผ่านระบบออนไลน์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาติดต่อขอต่อใบอนุญาตขับขี่ที่กรมขนส่งทางบก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ใบอนุญาตขับขี่ รวมทั้งลดภาระการทำงานในส่วนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งตามกฎหมายของกรมขนส่งทางบก กำหนดว่าผู้ที่จะขอต่อใบอนุญาตขับขี่รถยนต์จะต้องมีใบรับรองแพทย์ และต้องมาทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายและทดสอบสายตาที่สำนักงานขนส่งฯ แต่หากในอนาคตสามารถทำทุกอย่างผ่านออนไลน์ได้ ผู้ที่จะต่อใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ก็ไม่ต้องเดินทางไปที่สำนักงานขนส่งแล้ว เช่น ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมีระบบเทเลเมดิซีน (DMS Telemedicine) หรือ “ระบบการแพทย์ทางไกล” ซึ่งอาจจะมีการตรวจสอบต่างๆ ผ่านระบบออนไลน์ของแพทย์ แล้วก็เชื่อมต่อข้อมูลกับระบบของกรมฯ และกรมฯ ต้องเชื่อมต่อกับระบบของกรมการปกครองด้วย เพื่อที่จะประสานข้อมูลส่วนบุคคล และสามารถนำภาพถ่ายบัตรประชาชนมาใช้ได้โดยไม่ต้องมาถ่ายรูปที่สำนักงานขนส่งฯ

อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ขอใบอนุญาตฯ รายใหม่ และผู้ขอต่อใบอนุญาตฯ ที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปจะต้องมาต่อใบอนุญาตใบขับขี่ด้วยตนเองตามระบบเดิม เนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นอาจจะทำให่ค่าสายตาเปลี่ยน ซึ่งต้องมีการทดสอบในทางลึก ส่วนการส่งเสริมการใช้รถพลังงานสะอาดในระยะยาว ขณะนี้กรมฯ ได้ร่างกฎหมายรอไว้แล้ว โดยเป็นการเสนอแก้ไขกฏหมายในระยะยาว เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนใช้รถพลังงานสะอาดมากขึ้น โดยจะเป็นการคิดอัตราภาษีประจำปีของรถจากปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากเดิมที่คิดจากความจุของกระบอกสูบรถ น้ำหนักตัวรถ โดยในร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ จะเป็นการคิดอัตราภาษีประจำปีจากปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หากปล่อยในปริมาณมากก็คิดภาษีประจำปีในอัตราสูง แต่หากปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยก็คิดภีประจำปีน้อยลง ซึ่งการแก้ไขกฎหมายนี้จะต้องแก้ไขพระราชบัญญัติซึ่งเป็นอัตราภาษีแนบท้ายพระราชบัญญัติ ซึ่งจะทำให้การลดภาษีต่างๆ มีความยั่งยืนมากขึ้น


“เมื่อถามว่าร่างกฎหมายใหม่เพื่อส่งเสริมพลังงานสะอาดนี้ จะทำให้จัดเก็บภาษีได้น้อยลงหรือรายได้จากการจัดเก็บภาษีจะน้องลงหรือไม่นั้น อาจจะมีการพิจารณายกเลิกการลดภาษีรถเก่าที่เป็นกฎหมายเมื่อ 30-40 ปีมาแล้ว ในต่างประเทศรถยิ่งเก่ายิ่งต้องเสียภาษีเพิ่ม แต่ของประเทศไทยก็อาจจะไม่มีส่วนลดภาษีประจำปีให้รถเก่า และจะนำส่วนต่างภาษีไปส่งเสริมการใช้รถพลังงานสะอาดแทน โดยรถที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อยก็เสียภาษีประจำปีน้อย ส่วนรถที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากก็เสียภาษีประจำปีแพงกว่า โครงสร้างนี้ได้มีการร่างกฎหมายเอาไว้แล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นประชาชน ก่อนเสนอกระทรวงให้ความเห็นชอบภายในเดือนมิถุนายนนี้ และนำเสนอ ครม.พิจารณาต่อไป” อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าว

ทางด้านนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในประเทศไทยยังไปได้ดี ล่าสุด กนอ. และบริษัท แอลพีพี อินดัสเตรียล เอสเตท จำกัด ได้ลงนามในสัญญาร่วมดำเนินงาน จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมแอลพีพี นครสวรรค์ ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 69 ภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ. โดยนิคมอุตสาหกรรมแอลพีพี นครสวรรค์ จะเป็นนิคมอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารแบบครบวงจร ซึ่งจะเป็น Smart Agriculture Industrial Estate ที่มีมูลค่าโครงการ 800-900 ล้านบาท พื้นที่โครงการประมาณ 673 ไร่ โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2569 ซึ่งจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนในประเทศกว่า 18,200 ล้านบาท และเกิดการจ้างงาน 4,554 คน

ส่วนภาพรวมการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ พบว่าขณะนี้นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่นิคมฯ ของเอกชน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมตัวเลขมูลค่าการลงทุน คาดว่าเดือนหน้าจะได้ตัวเลขทั้งหมด ส่วนนักลงทุนญี่ปุ่นขณะนี้ยังใกล้เคียงกับของเดิม อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้มีบางกิจการย้ายฐานการผลิต อันนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็นไปตามกลไกตลาดอุตสาหกรรม ส่วนที่มีกระแสข่าวว่านักลงทุนหันไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นนั้น ล่าสุดก็ทราบว่าเขายังสนใจลงทุนในบ้านเราอยู่เช่นกัน ดังนั้น จึงต้องรอฟังอีกสักระยะหนึ่ง ก็คงจะมีความชัดเจนมากขึ้น


อย่างไรก็ดี สาเหตุที่จีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายส่งเสริมอีวีของเราที่ได้ผลดี ขณะนี้ซัพพลายเชนเขากำลังเริ่มมา รวมถึงแบตเตอรี่อีวี ขณะเดียวกันประเด็นการแข่งขันทางเศรษฐกิจ การเมืองระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นก็เป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนไม่ว่าจะเป็นจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หาพื้นที่ตั้งฐานการผลิตที่ปลอดภัย ไม่มีผลกระทบ ส่วนประเด็นค่าแรงขั้นต่ำ ตนเองมองว่าไม่ใช่ปัจจัยหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน ปัจจัยหลักน่าจะเป็นเรื่องโครงสร้างพื้นฐานมากกว่า

“ส่วนเรื่องการปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทย หลังยอดขายตก ตนเองคิดว่ารัฐบาลเองก็ต้องมองในจุดนี้ และต้องพิจารณาหากว่าเรายังต้องการเป็น “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย (Detroit of Asia)” อยู่ ก็ต้องสนับสนุนให้เกิดความสามารถในการแข่งขันของค่ายรถยนต์ที่อาจจะไม่ใช่การสนับสนุนรถยนต์สันดาปโดยตรง แต่เป็นการสนับสนุนรถยนต์ไฮบริด ในช่วงของการเตรียมการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานรูปแบบใหม่ให้สามารถแข่งขันกับอีวีได้หรือไม่ นี่คือคือสิ่งที่รัฐบาลต้องพิจารณา เช่น อาจจะต้องมีนโยบายทางภาษีสนันสนุนรถยนต์ไฮบริจ ซึ่งจะยังสามารถคงฐานการผลิตและซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมรถยนต์ได้” นายวีริศ กล่าว. -517-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]