กรุงเทพฯ 15 พ.ค. – รมช.คลัง “เผ่าภูมิ” เตรียมข่าวใหญ่ สร้างแรงจูงใจออมเงินระยะยาว ประกาศขยายฐานภาษีแทนขยับเพิ่มอัตรา เผย ครึ่งปีหลัง งบปี 67,68 เงินดิจิทัล ดันจีดีพีไทย เตรียมเสนอ ครม. เติมทุน 3 กลุ่มเป้าหมาย เดินหน้าจับมือธปท. ร่วมดูแลเศรษฐกิจ
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลัง มอบนโยบาย ให้กับผู้บริหารสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ว่า การประสานนโยบายการเงิน การคลัง ของธปท.และกระทรวงการคลัง ต้องประสานสัมพันธ์ด้วยกัน ยอมรับ มีจุดแตกต่างกัน เพราะประเมินจีดีพีแตกแต่งกัน จึงทำให้การดำเนินนโยบายยังไม่สอดคล้องกัน ทั้งสองหน่วยงางนจึงต้องหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิด และบ่อยครั้งมากขึ้น ยอมรับว่า สศค. เป็นหน่วยงานมีเครื่องมือคาดการณ์จีดีพีได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องการให้พัฒนาให้ดีขึ้นไปอีก
สำหรับปัจจัยบวกของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง มองว่ามีเงินก้อนใหญ่จาก 3 แหล่ง เข้าสู่ระบบจำนวนมาก ทั้งงบประมาณรายจ่ายปี 2567 งบประมาณปี 68 และเงินดิจิทัลวอเล็ตอีก 5 แสนล้านบาท ช่วยหมุนเวียนในระบบช่วงปลายปี ยืนยันว่า แหล่งเงินรองรับโครงการดิจิทัลวอเล็ต 5 แสนล้านบาท มีความชัดเจน โดยเฉพาะการยืนเงินจาก ธ.ก.ส. 1.72 แสนล้านบาท เพราะรัฐบาลหลายชุดใช้กลไก ธ.ก.ส. ดูแลเกษตรกรผ่านนโยบายต่างๆ เมื่อมีผู้สงสัย จึงยื่นให้กฤษฎีกาช่วยพิจารณา เพื่อคลายความสงสัย เมื่อเม็ดเงินก้อนใหญ่เข้าสู่ระบบ อาจทำให้จีดีพีปี 67 ขยายตัวเกินเป้าหมายร้อยละ 2.4 ในปี 67 นี้
“รัฐบาลได้ศึกษามาตรการใหญ่ ให้เป็นข่าวดีสำหรับประชาชน เพื่อสร้างแรงจูงใจในการฝากเงินให้ระยะยาวให้กับประชาชนมากขึ้น เนื่องจากหลายของกองทุนเดิม มีข้อจำกัดเพียงหลายด้าน ทั้งกองทุน กบข. กองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุน กอช. กระทรวงการคลังจึงได้ศึกษาสร้างแรงจูงในในการออมเพิ่มเติม กระทรวงการคลัง ยังเตรียมเสนอ ครม. เร็วๆนี้ ปล่อยสินเชื่อ 3 กลุ่มหลักเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย เงื่อนไขผ่อนปรน เพื่อเติมทุนให้กับเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการ ทั้งกลุ่มอาหาร แพทย์ครบวงจร และการท่องเที่ยว” นายเผ่าภูมิกล่าว
ในด้านการเติมทุน เปิดให้รายย่อย เอสเอ็มอี ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุนมากขึ้น จึงมีนโยบายเปิดกว้าง ในการออกใบอนุญาตในการจัดตั้ง Virtual Bank (ธนาคารไร้สาขา) แบบไม่จำกัดจำนวน ภาคเอกชนรายใด มีคุณสมบัติครบถ้วน ควรพิจารณาให้ตามข้อกำหนด ไม่ได้จำกัดไว้เฉพาะเอกชน 3 รายใหญ่ นอกจากนี้ยังมีนโยบายปรับเปลี่ยนเงื่อนไข ในเรื่องพิโค่ไฟแนนซ์ ให้มีการจัดตั้งในต่างจังหวัดมากขึ้น หากรายใดมีศักยภาพเปิดสาขาในจังหวัดใกล้เคียงสามารถทำได้ ไม่ต้องเปิดเฉพาะในพื้นที่เท่านั้น เพื่อลดปัญหาเจ้าหนี้นอกระบบคิดดอกเบี้ยแพงสร้างภาระให้กับประชาชน
นายเผ่าภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ไม่เหมาะสำหรับการปรับเพิ่มอัตราภาษีหลายประเภท เพื่อทำร้ายประชาชน แต่จะใช้แนวทาง ดึงผู้ประกอบการ หรือประชาชน ที่มีรายได้ตามเกณฑ์เข้ามาอยู่ในระบบ เพื่อขยายฐานภาษีให้มากขึ้น โดยมีภาระภาษีไม่สูงมากนัก เมื่อมีผู้เสียภาษีจำนวนมากขึ้นรัฐมีรายได้เข้ารัฐเพิ่มขึ้น แต่ไม่กระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน.-515-สำนักข่าวไทย