มณฑลยูนนาน 29 เม.ย. – รมว.พาณิชย์ ช่วยชาวสวนผลไม้ไทยสำเร็จทั้งจีนและลาวยอมขยายเวลาเปิดและปิดด่านโม่ฮาน-บ่อเต็น ถึง 21.00 น.แถมลดเวลาขนส่งทุเรียน-มังคุดไปจีน จาก 5 วัน เหลือ 3 วัน ทำให้ผลไม้สดคุณภาพถึงมือผู้บริโภคชาวจีนได้เร็วขึ้น พร้อมประเมินแนวทางนี้ดีอาจขอขยายเวลาเพิ่มขึ้นอีกได้ เตรียมหาลู่ทางเจรจาให้ 2 ด่าน ผ่อนปรนสินค้าไทยชนิดอื่นด้วย
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมด่านตรวจจำเพาะสินค้าผลไม้ด่านรถไฟโม่ฮาน และรับฟังข้อมูลสถานการณ์การขนส่งสินค้าผ่านด่านรถไฟโม่ฮาน จากหน่วยงานภาครัฐจีนและที่ด่านบ่อเต็น สปป.ลาว เพื่อเจรจาขอเพิ่มเวลาทำการลดการแออัดบริเวณด่านและขอบคุณที่อำนวยความสะดวกให้การขนส่งผลไม้ไทย โดยช่วงเดือนหน้าเป็นต้นไปผลผลิตผลไม้ไทยจะเริ่มออกสู่ตลาดมาก ที่ผ่านมาประสบปัญหาเรื่องความแออัดบริเวณด่าน บางครั้งต้องใช้เวลาถึง 5 วัน สำหรับรอตู้ผ่านเข้าจีนแล้วกลับออกมาบ่อเต็น และปัญหาเรื่องแคร่ที่จะมารับตู้คอนเทนเนอร์ไม่เพียงพอ ซึ่งก่อนที่ผลผลิตผลไม้จะออกมาก ตนจึงมาคุยกับทางการจีน และได้หารือผู้ว่าการเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา เสนอขอให้เพิ่มเวลาทำการเปิด-ปิดด่าน จากปกติ 08.00-18.00 น. ขอให้เพิ่มเวลาทำการอีก 3 ชั่วโมง เป็น 08.00-21.00 น. เพื่อลดความแออัดของรถบรรทุกบริเวณหน้าด่าน ซึ่งประสบความสำเร็จ ทางจีนตอบรับให้การสนับสนุน และเรื่องช่องทางการเข้า-ออกของรถบรรทุกที่คับแคบ ทางด่านโม่ฮานแจ้งว่ากำลังปรับปรุงขยายถนนออกไปอีก จากเดิม 2 ช่อง (จุดตรวจรถเข้า-ออก) เป็น 12 ช่อง (ขาเข้า 6 ช่อง ขาออก 6 ช่อง) และขอให้ช่วยประสานบ่อเต็นและทางการลาว คาดว่าภายใน 2 ปี จะทำช่องทางเสร็จ
นอกจากนี้ ยังได้หารือกับนายอ่อนจัน คำพาวง รองเจ้าแขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว ซึ่งท่านเห็นด้วยในการเพิ่มเวลาทำการ ซึ่งการค้าผ่านแดนจุดนี้เป็นจุดใหญ่ที่สุด มีความสำคัญมาก เพราะเป็นช่องทางเข้าสู่ตลาดจีนตอนใต้และกระจายไปทั่วประเทศ และได้ขอให้ทางฝั่งลาวช่วยรายงานสภาพการจราจรบริเวณด่านและส่งให้ไทยทุกเดือน เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการบริหารจัดการ ซึ่งทางการลาวรับไปพิจารณา และได้มอบหมายกรมการค้าต่างประเทศติดตามผลการขยายเวลาทำการของด่าน ว่าจะทำให้การส่งออกผลไม้ในเส้นทางนี้คล่องตัวขึ้นแค่ไหนเพียงใด
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ ทางการจีน ศุลกากรจีน ได้ประสานงานการทำงานร่วมกัน คิดว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้ดี จะช่วยให้ผู้บริโภคชาวจีนได้ทานผลไม้ที่สด ลดต้นทุนการขนส่ง เป็นประโยชน์กับผู้บริโภคชาวจีนและหากดูข้อมูลในปี 2566 ไทยส่งสินค้าผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง มูลค่ารวม 6,941.55 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 22.77 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็น (1) ผลไม้สด มูลค่าส่งออกรวม 5,400.75 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 22.30 (2) ผลไม้แช่แข็ง 764 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 52.17 และ(3) ผลไม้แห้ง 320.89 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 4.39 โดยมีจีนเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 1 มีมูลค่าการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 89.68 ของการส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้งของไทย
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวหลังจากการขยายเวลาเปิดและปิดด่านทั้ง 2 ด่านเดินหน้าแล้ว จะมีการประเมินผลการตอบรับของการใช้บริการดังกล่าวอีกครั้ง หากผลตอบรับดีและทำให้สินค้าผักและผลไม้ไทยผ่านด่านทั้ง 2 ถึงมือผู้บริโภคชาวจีนได้อย่างรวดเร็วก็อาจจะขยายเวลาเปิดและปิดด่านทั้ง 2 ให้เพิ่มเวลาขึ้นไปอีกได้ เนื่องจากได้มีการหารือกับผู้บริหารทั้งจีนและลาวไว้แล้ว
นอกจากนี้ รวมทั้งในอนาคตอาจต้องเร่งเจรจากับทั้ง 2 ด่านเพิ่มเติม เพราะแนวทางการปล่อยผ่านสินค้าประเภทผักและผลไม้ไทยเข้าด่านไม่มีปัญหา แต่ไทยยังมีสินค้าชนิดอื่นๆที่จะต้องส่งออกผ่านด่านนี้เช่นกัน โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิเพราะการใช้เวลาปล่อยผ่านยังใช้เวลานานและเสียเวลา โดยหน่วยงานกำกับดูแลทั้ง 3 ฝ่ายจะมีการหารือเพื่อผ่อนผันสินค้าชนิดอื่นๆให้กับไทยได้ต่อไป รวมทั้งกรมการค้าต่างประเทศจะเร่งเจรจาหาตลาดส่งออกโคมีชีวิตและเนื้อแช่เย็นแช่แข็งจากไทยไปยังจีนมาจีน โดยตลาดจีนเป็นเป้าหมายที่ไทยจะเร่งส่งออกมายังจีนเพิ่มขึ้นอีกด้วย.-514-สำนักข่าวไทย