ตัดขาแก๊งคอลจีนเทา สะพายเป้ตระเวณส่ง sms หลอกเหยื่อ”

กรุงเทพฯ9 เม.ย.-AIS ร่วมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติการ Operation Save Siam “ตัดขาแก๊งคอลจีนเทา สะพายเป้ใส่เครื่องเกี่ยวสัญญาณ ตระเวณส่ง sms หลอกเหยื่อ ย่านสยาม”

สืบเนื่องจากช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนได้มีการแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับข้อมูล sms ปลอม ซึ่งเป็นของกลุ่มคนร้ายเชื่อว่ามีการกระทำความผิดหลอกลวงประชาชน ทางกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเปิดปฏิบัติการ “หักขาแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ” ลงพื้นที่หาข่าวร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการเครื่อข่าย AIS เพื่อทำการสืบ สืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการเครือข่ายเอไอเอส พบขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ที่มีลักษณะส่งข้อความ(SMS) หลอกลวงประชาชน โดยนำอุปกรณ์เครื่องจำลองสถานี (False base station) ซึ่งเป็นเครื่องที่ไม่ใช่ของผู้ให้บริการโดยถูกต้อง


จากการสืบสวนและประสานกับ ผู้ให้บริการเครือข่ายพบว่า เครื่องจำลองสถานีดังกล่าวได้มีการใช้งานอยู่ในพื้นที่บริเวณย่านศูนย์การค้าสยามพารากอน ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะมีการใช้เครื่องจำลองสถานีแบบพกพา หรือ False Base คือการปลอม เป็น sender อะไรก็ได้ ทั้งธนาคาร, Logistic ส่งของ, หน่วยงานบริการประชาชน ไฟฟ้า, ประปา หรือ Operator โดย case ที่เกิดขึ้น ทาง วิศวกรเอไอเอส ทำงานร่วมกับ ตำรวจไซเบอร์ พบความผิดปกติ จึงประสานกำลังกัน เฝ้าดูและติดตามพฤติกรรมของมิจฉาชีพตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านเทคโนโลยี Tracking & Monitoring จนสามารถคำนวณเส้นทางการเคลื่อนตัวอย่างละเอียดเพื่อค้นหาให้ถึงแหล่งกบดานของกลุ่มนี้ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภารกิจการทลายแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มนี้สำเร็จลงได้ภายในเวลา 48 ชั่วโมง

โดยเมื่อวันที่ 8 เม.ย.67 เวลา 18.00 น. พบชายต้องสงสัยจำนวน 2 คน ทราบภายหลังเป็นชาวฮ่องกง เดินอยู่ที่ห้างสยามพารากอน โดยชายคนหนึ่งนั้นสะพายกระเป๋าเป้เหมือนมีสิ่งของมีน้ำหนักอยู่ภายใน เชื่อว่าน่าจะเป็นเครื่องจำลองสถานีแบบพกพา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการเดินติดตาม จนพบบุคคลดังกล่าวท่าทางมีพิรุธต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวขออนุญาตตรวจค้นสิ่งของที่อยู่ภายในกระเป๋าเป้ของชายคนดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบเครื่องจำลองสถานี (False base station) จำนวน 1 เครื่องเป็นเครื่องส่งข้อความ(SMS) ซึ่งเป็นในลักษณะของการจำลองเสา(False base station) ส่งสัญญาณปลอมของเครือข่าย AIS ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวนี้เป็นเครื่องวิทยุโทรคมนาคมซึ่งจากการตรวจสอบเครื่องดังกล่าวไม่พบข้อมูลผ่านการตรวจสอบหรือได้รับอนุญาตจาก กสทช.แต่อย่างใด


จากการตรวจสอบอุปกรณ์ดังกล่าวนี้พบว่าเป็นการจำลองสถานีส่งสัญญาณคลื่นความถี่เดียวกับเครือข่ายเอไอเอส โดยทำหน้าที่ในการส่งข้อความ(SMS) ให้กับผู้คนที่อยู่ใกล้เครื่องดังกล่าวในรัศมีส่งไม่เกิน 1 กม. โดยมีการเชื่อมต่อไวไฟกับโทรศัพท์มือถือของกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อส่งข้อความโดยปรากฏข้อความว่า “บริการคะแนน AIS แจ้งบัญชีคะแนนบัญชีปัจจุบันของคุณว่า (3,2022 คะแนนกำลังจะหมดอายุเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ตามมาแลกคะแนนของคุณทันที) : ตามลิงค์ ” จากปฏิบัติการดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา ได้แก่ นายยิป อายุ 44 ปี สัญชาติ จีน และ. นายลี อายุ 26 ปี สัญชาติ จีน และได้ตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินหลายรายการ1.เครื่องจำลองสถานี(False base station) 1 เครื่อง 2.โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง 3.กระเป๋าสะพาย 1 ใบ 4.รถจักรยานยนต์ 1 คัน

โดยได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498,ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม” แล้วนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลไปถึงตัว ผู้จ้างวาน เครือข่ายของขบวนการนี้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และให้การป้องกันปราบปรามขบวนการดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วและเด็ดขาด ตลอดจนฝากประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนหากได้รับข้อความ(SMS) ในลักษณะแนบลิงค์ดังกล่าวข้างต้นห้ามกดลิงค์โดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นอาจตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้


ด้วยความห่วงใย เอไอเอส จึงขอแจ้งไปยังประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อ และให้ข้อมูลส่วนบุคคลผ่านการกดลิงก์, แอดไลน์ หรือ ตอบกลับ SMS รวมถึงงดให้ข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ เลขบัตรประชาชน, เลขบัตรเครดิต และ วันเดือนปีเกิด รวมทั้งรหัส OTP ในการทําธุรกรรมใดๆ แก่แหล่งที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ และหากเป็นลูกค้า AIS หากพบกรณีผิดปกติ สามารถโทรแจ้งผ่านสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center ได้ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง โดย AIS จะตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป.-511.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก