กรมบัญชีกลางย้ำ สแกนใบหน้า ป้องกันสวมสิทธิ

กรุงเทพฯ 25 มี.ค.-กรมบัญชีกลางย้ำ ผู้ใช้สิทธิสวัสดิการฯ ผ่านแอปฯ ถุงเงิน ต้องสแกนใบหน้า เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ


นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการป้องกันให้แก่ผู้มีสิทธิไม่ให้ถูกผู้อื่นนำวงเงินสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐไปใช้โดยผู้มีสิทธิไม่ยินยอม กรมบัญชีกลางได้ให้ บมจ. ธนาคารกรุงไทย พัฒนาแอปพลิเคชันถุงเงินที่รับชำระค่าสินค้าหรือบริการด้วยวงเงินสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ โดยผู้มีสิทธิจะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนและรหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก พร้อมทั้งสแกนใบหน้าสำหรับการยืนยันการชำระเงิน เพื่อให้มีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น 

เริ่มใช้งานตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2567 โดยยกเว้นกลุ่มผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุ ที่มอบอำนาจให้ดำเนินการแทน และกลุ่มผู้ที่สแกนใบหน้าไม่ผ่านตั้งแต่ขั้นตอนยืนยันตัวตน (e-KYC) ไม่ต้องทำการสแกนหน้าในการยืนยันการชำระเงิน อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิได้ด้วยตนเอง และได้ทำการยืนยันตัวตน (e-KYC) ด้วยตนเองไปแล้ว หากไม่สะดวกเดินทางไปใช้สิทธิที่ร้านค้าด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้ดูแลกรอกแบบฟอร์มหนังสือมอบอำนาจสำหรับผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง และนำเอกสารไปดำเนินการที่สาขา บมจ. ธนาคารกรุงไทย 


“จากเหตุเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2567 แจ้งว่าผู้มีสิทธิไปใช้สิทธิซื้อสินค้าร้านธงฟ้าที่รับชำระค่าสินค้าด้วยแอปพลิเคชันถุงเงินที่ จ.ชัยนาท เมื่อเลือกซื้อสินค้าแล้วในขั้นตอนการชำระค่าสินค้าจะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชน และรหัสคู่บัตร 6 หลัก พร้อมทั้งสแกนใบหน้า แต่สแกนใบหน้าไม่ผ่านทำให้ต้องคืนสินค้า จากการตรวจสอบพบว่าในวันเดียวกันนั้นผู้มีสิทธิรายดังกล่าวได้ใช้สิทธิซื้อสินค้าเรียบร้อยแล้ว ส่วนสาเหตุที่สแกนใบหน้าไม่ผ่าน เนื่องจากแสงสว่างมากเกินไป” โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าว

โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อป้องกันปัญหาที่ไม่สามารถสแกนใบหน้าผู้มีสิทธิได้ ให้ร้านค้าหรือผู้ประกอบการดำเนินการ ดังนี้

1. ให้ผู้มีสิทธิยืนในตำแหน่งของร้านค้าที่มีแสงสว่างเหมาะสม ไม่ยืนย้อนแสง ไม่มีเงาตกกระทบบนใบหน้า


2. ให้ผู้มีสิทธิถอดแว่นตก หมวก และหน้ากากอนามัย (ถ้ามี) ออก เก็บผมไว้หลังใบหูขณะทำรายการ

3. ให้ใบหน้าผู้มีสิทธิอยู่ในกรอบ พร้อมมองตรง ไม่เอียงศีรษะ ไม่ขยับหน้าไปมาขณะถ่ายรูปสแกนใบหน้า

สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้มีสิทธิซึ่งมีชื่อระบุบนหน้าบัตรเท่านั้น ผู้มีสิทธิจะต้องเก็บและรักษาบัตรประจำตัวประชาชนและรหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก ไว้ในที่ปลอดภัย เพื่อประโยชน์ในการรับความช่วยเหลือผ่านบัตรประจำตัวประชาชน โดยร้านธงฟ้า ร้านค้าก๊าซหุงต้ม และผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ จะต้องตรวจสอบรูปหน้าบนบัตรประจำตัวประชาชนทุกครั้งก่อนใช้สิทธิ หากตรวจสอบแล้วพบว่าร้านค้าและผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะไม่ปฏิบัติตาม จะถูกเพิกถอนการเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ กรณีมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2109 2345 และ Call Center กรมบัญชีกลาง 0 2270 6400 ในวันเวลาทำการ.-515-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ จากภาคใต้ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก หารือผู้นำและภาคเอกชนชั้นนำของโลก

กทม.จำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามรถบรรทุกวิ่ง เริ่มคืนนี้!

ผู้ว่าฯ กทม. ติดตามสถานการณ์ฝุ่น กทม. คาดสุดสัปดาห์ระบายอากาศดีขึ้น พร้อมจำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามวิ่งรถบรรทุก เริ่มคืนนี้! ย้ำประชาชนช่วยสอดส่องการลอบเผา ต้นเหตุฝุ่น PM 2.5

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่น

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่นคนอายุ 60+ ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ว

“จิรายุ” ย้ำเงินหมื่นเฟส 2 มอบคนอายุ 60+ รัฐบาลพร้อมโอนไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ว วันจันทร์ที่ 27 ม.ค.นี้ แน่นอน สามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ววันนี้ ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟน ฝากลูกหลานช่วยด้วย