จับมือ Big C ฮ่องกงเพิ่ม 250 รายการสินค้าไทยสำเร็จ

ฮ่องกง 11 มี.ค.-รมว.พณ.นำผู้ส่งออกไทย 10 บริษัท จับมือ Big C ฮ่องกงเพิ่มอีกกว่า 250 รายการทั้งสินค้า เอสเอ็มอี-OTOP-เกษตรไทยสำเร็จ มั่นใจช่วยคนตัวเล็กสินค้าไทยได้ขึ้นห้างฮ่องกงเพียบจะสร้างโอกาสให้สินค้าไทยในตลาดนี้ไม่น้อย


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างห้างสรรพสินค้า Big C ฮ่องกง และผู้ส่งออกไทย 10 บริษัท ว่า การลงนามระหว่างห้าง Big C กับผู้ส่งออกไทยจำนวน 10 รายในครั้งนี้ จะช่วยขยายโอกาสการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคของไทย โดยเฉพาะจากผู้ประกอบการรายย่อย SMEs สินค้า OTOP และสินค้าเกษตรแปรรูป รวมทั้งผู้ประกอบการที่ได้รับการคัดเลือกและสนับสนุนจากกระทรวงพาณิชย์ อาทิ สินค้าที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thailand Trust Mark และ Thai SELECT บนผลิตภัณฑ์ ได้มีโอกาสขยายการส่งออกสู่ตลาดฮ่องกง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่เคยให้ไว้ว่าจะต้องช่วยขยายโอกาสให้กับคนตัวเล็ก และครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้ร่วมมือกับห้าง Big C จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทย (In-store Promotion) ณ ห้างสรรพสินค้า Big C ในทุกสาขา และได้จัดกิจกรรมพิธีเปิด ณ สาขาซิมซาจุ่ย โดยมีสินค้าไทยที่นำมาจัดการส่งเสริมการขายจำนวนมาก อาทิ ผลไม้ ข้าว สินค้าอุปโภคบริโภค ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากชาวฮ่องกงเป็นอย่างดี ที่เข้ามาชมและเลือกซื้อสินค้า และได้เยี่ยมชมการจำหน่ายสินค้าไทยในห้าง พบว่า มีสินค้าไทยจำหน่ายเป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันมีจำหน่ายแล้ว 4,200 รายการ และหากรวมการลงนาม MOU ในครั้งนี้ จะมีสินค้าไทยเพิ่มเข้าไปอีก 250 รายการ 


ทั้งนี้ การมาเยี่ยมชมห้าง Big C ในครั้งนี้ ตนได้มีโอกาสได้ชิมสินค้าขนมอบแห้ง 2 ชนิด ได้แก่ ข้าวเหนียวมะม่วงและข้าวเหนียวทุเรียนอบแห้ง ซึ่งมีรสชาติและกลิ่นเหมือนข้าวเหนียวมะม่วงและข้าวเหนียวทุเรียนแท้ๆ จากประเทศไทย ประกอบกับสินค้าหลายๆ รายการได้มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัย ถือว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าไทยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าการเปิดของห้างสรรพสินค้า Big C ในฮ่องกงนี้จะเปรียบเสมือนตลาดปลายทางที่สามารถช่วยขายสินค้าไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการยกระดับห่วงโซ่มูลค่าของสินค้าไทยตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ และผลักดันให้เกิดการซื้อสินค้าไทยในต่างประเทศได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ยังได้หารือกับผู้บริหารห้าง Big C เพื่อขยายโอกาสทางการตลาดแก่ผู้ประกอบการไทยต่อไป รวมทั้งได้ขอบคุณที่ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทย และได้ขอทราบความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการสินค้าและพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวฮ่องกงและชาวต่างชาติที่ทำงานในฮ่องกง เพื่อนำไปต่อยอดและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายอื่นของไทย และแจ้งว่า หากมีปัญหาหรืออุปสรรคในการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยในปัจจุบัน และสิ่งที่ต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ให้การสนับสนุนก็ให้แจ้งมา พร้อมที่จะดำเนินการแก้ไขให้

สำหรับห้างสรรพสินค้า Big C ได้จัดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการที่ Flagship Store สาขาซิมจาจุ่ย (Tsim Sha Shui) เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 โดยเข้าซื้อกิจการจาก AbouThai ซึ่งเป็นเชนร้านสะดวกซื้อท้องถิ่นจำนวน 24 สาขา และตั้งเป้าที่จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องปีละ 25 สาขา เป็น 99 สาขา คาดการณ์ยอดขาย 1,500 ล้านเหรียญฮ่องกง (ประมาณ 7,500 ล้านบาท) ภายในสิ้นปี 2569 โดยมีแผนจะจดทะเบียนควบ (Dual Listing) ทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมองเห็นโอกาสสินค้าไทยที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีจากชาวฮ่องกง โดยจะเพิ่มความหลากหลายของสินค้าอีกกว่า 3 เท่าตัว ครอบคลุมสินค้าทุกประเภท อาทิ อาหาร เครื่องดื่ม อาหารสำเร็จรูป อาหารแปรรูป อาหารแช่เย็นแช่แข็ง ผัก ผลไม้ ขนมขบเคี้ยว ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สบู่ แชมพู สมุนไพร เป็นต้น


สำหรับผู้ประกอบการไทย 10 ราย ที่ได้เข้าร่วมลงนามใน MOU ได้แก่ 1.บจก. หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป สินค้าซอสปรุงรส 2. บจก. ข้าวแสนดี สินค้าข้าว 3.บจก. นารา ทรี สินค้าเซรัมน้ำมะพร้าวสกัดเย็น 4.บจก.ซันไชน์ อินเตอร์เนชั่นแนล สินค้า ผลไม้อบกรอบ 5.บจก.โอยั๊วะ เทรดดิ้ง สินค้าหนังไก่ทอด หนังปลาแซลมอนทอด 6.บจก.สยาม คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ สินค้า ผลไม้อบกรอบ อบแห้ง 7.บจก.สยาม ดีไลท์ กรุ๊ป บจก. สินค้า ขนมทองม้วน กล้วยน้ำว้าอบ 8.บจก.ปาลิดา อินเตอร์ ฟู๊ด บจก. สินค้ากล้วยอบกรอบ ทุเรียนอบกรอบ 9.บจก.เดอะ โกลด์กรีน สินค้าข้าวแต๋นทรงเครื่อง ผลไม้อบแห้ง 10.บจก.ทองอำไพ ควอลิตี้ฟู้ด สินค้าข้าวแต๋น 

อย่างไรก็ตาม ภายในงานมีนายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นายจาตุรนต์ ไชยะคำ กงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล CEO และ President บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC​​​ นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC และนายวารุฒน์ แสนสีมิ่ง Operation Head, Big C (HK) Company Limited เข้าร่วมเป็นต้น.-514-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร