คาดเสนอร่าง พ.ร.บ.เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับแรกของไทยเข้า ครม.กลางปี 67

กรุงเทพฯ 29 ก.พ.-วงเสวนา “RECs Talk 2024 – Unlocking Potential: I-RECs In Thailand” กระตุ้นทุกภาคส่วนตระหนัก-รับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก หนุนทุกภาคส่วนเพิ่มศักยภาพสูงสุดในการได้ใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (RECs) คาด พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับแรกของไทยเข้า ครม.กลางปีนี้

งานเสวนา “RECs Talk 2024 – Unlocking Potential: I-RECs In Thailand” จัดโดยบริษัทเวฟ บีซีจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม บมจ.เวฟ เอกซโพเนนเชียล เพื่อกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนร่วมตระหนักและรับมือกับวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก และเป็นการสนับสนุนทุกภาคส่วนเพิ่มศักยภาพสูงสุดในการได้ใบรับรองพลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable Energy Certificates (RECs) ในประเทศไทย เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน


นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เกิดจากความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างเสถียรภาพด้านการลดก๊าซเรือนกระจกที่ประเทศไทยจะต้องดำเนินการภายใต้ความตกลงปารีส (Paris Agreement) ในการบรรลุเป้าหมายจำกัดอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ไม่เพิ่มขึ้นเกิน 1.5-2 องศาเซลเซียส และจากการประชุม COP26 ที่ประเทศไทยได้ให้คำมั่นในการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยตั้งเป้าหมายการเป็ นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ภายในปี พ.ศ. 2608 (ค.ศ. 2065) ตลอดจนประเทศไทยมีการเพิ่มเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกตามแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. 2564 – 2573 ได้มีการกำหนดเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contributions: NDC) 30% หรือ 166 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และ 40% หรือ 222 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปีพ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) โดยระดับการลดก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นถึง 40% ขึ้นอยู่กับการเข้าถึงกลไกการสนับสนุนทางการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี การเงิน และการเสริมสร้างศักยภาพที่เพิ่มขึ้นและเพียงพอ

ปัจจุบันการพัฒนาโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ยังคงไม่เพียงพอ และมีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยมีปริมาณการขึ้นทะเบียนเพียง 19 ล้าน RECs ตั้งแต่ พ.ศ. 2560 จนถึงปัจจุบัน รวมกับ Carbon Credits มาตรฐาน TVER ที่ 17 ล้านตันคาร์บอนเทียบเท่าก็เพียงแค่ 26.5 ล้านตัน


ทั้งนี้ ในปี 2562 พบว่าประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 372 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เป็นอันดับ 20 ของโลก โดยภาคพลังงานมีสัดส่วนการปล่อยมากถึง 70% ขณะที่สัดส่วนการผลิตพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศมีเพียง 10% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด หากประเทศไทยจะบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality จะต้องเพิ่มสัดส่วนให้เป็น 30% ภายในปี 2030 และมากกว่า 50% ก่อนปี 2040

จากข้อมูลของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) พบว่ามีความต้องการจากภาคธุรกิจและโรงงานอุตสกรรมที่ 134.7 ล้าน MWh โดย ถ้านำพลังงานสะอาดทั้ง Grid สามารถขึ้นทะเบียน RECs เพียงแค่ 28 ล้าน MWh โดย PPA ชุดใหม่ 5,000 กว่า MW RECs เป็นของภาครัฐ ซึ่งการเพิ่มสัดส่วนของพลังงานสะอาดมีความสำคัญต่อประเทศในเชิงของการดึงดูดการลงทุน (FDI) จากต่างประเทศ โดยเฉพาะบริษัทชั้นนำของโลกที่มีการกำหนดเป้าไปแล้ว และยังมีการย้ายบริษัทไปต่างประเทศที่ตอบโจทย์ความต้องการเชิง RE ได้ รวมถึงการที่หลายบริษัทประกาศเป็น RE100 ใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates) หรือ RECs เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยประเทศไทยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยจะเป็นการสนับสนุนการเพิ่มขึ้นและการขยายจำนวนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากล กว่า 60 ประเทศทั่วโลก มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ยิ่งกว่านั้นเมื่อเทียบกับต้นทุนในการลดเอง ลงทุนสร้าง solar farm หรือกับคาร์บอน credit ถือว่ายังถูกกว่ามาก นอกจากนี้ยังใช้ง่าย และ claim ใน scope 2 ที่หาวิธีลดอยาก แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีความท้าทายมากกว่าประเทศอื่นในภาคตะวันออก ที่มีสัดส่วน RE มากถึง 70%, มีระบบไฟฟ้า ที่เปิดเสรี และมีการซื้อขายระหว่างเอกชน

ด้าน ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ประเทศไทยมีการวางเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ไว้อย่างชัดเจน จึงจำเป็นต้องมีหลายเครื่องมือเพื่อนำไปสู่เป้าหมาย อย่างพลังงานไฟฟ้ามีทั้งที่มาจากฟอสซิล และ RE จำเป็นต้องมีเครื่องมือที่แยกได้ชัดเจนว่าเป็นไฟฟ้าที่มาจากพลังงานทดแทน เพื่อให้หน่วยงานบริษัทต่างๆสามารถนำไปใช้การขึ้นทะเบียนการลดก๊าซเรือนกระจกได้ ขณะที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้มีการบูรณาการประสานความร่วมมือเพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ รวมไปถึง RECs ที่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน scope 2


ส่วนความคืบหน้าการจัดทำร่าง คาด พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฉบับแรกของไทย ซึ่งมีทั้งหมด 14 หมวด โดยมี 3 หมวดสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับกลไกราคาคาร์บอน ได้แก่การจำกัดสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การคิดภาษีบนผลิตภัณฑ์ และการควบคุมคาร์บอนเครดิต ซึ่ง ขณะนี้ทั้ง 14 หมวดอยู่ในขั้นตอนรับฟังความคิดเห็นทั่วประเทศ รวมถึง กทม. และประชุมกลุ่มย่อยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง ตลท. ก.ล.ต. เพื่อดูว่ากลไกที่ร่างขึ้นมานั้นเมื่อนำไปสู่การปฏิบัติจะใช้ได้จริง หรือไม่หรือมีข้อจำกัดใดบ้าง คาดว่าจะรับฟังครบทุกภาคส่วนในเดือนเมษายน และจะสรุปเสนอ ค.ร.ม.ได้ในช่วงกลางปีนี้ ยืนยันจะเร่งผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว คาดน่าจะได้เห็นในปี 2568.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

หยุดยาววันแรก การจราจรขาออก กทม. มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่น

เริ่มหยุดยาววันแรก การจราจรบนท้องถนนขาออกกรุงเทพฯ มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่นตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้ ถนนมิตรภาพ ช่วง ต.กลางดง อ.ปากช่อง ชะลอเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ส่วนถนนพหลโยธิน ขาเข้าหนองแค รถเริ่มแน่น

วันแรก ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน

สถิติวันแรก 10 วันอันตราย ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน​ “เพิ่มพูน” เน้นทุกฝ่ายช่วยกันดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวก เข้มเรื่องกฎหมาย