กรุงเทพฯ 23 ก.พ.-KKP ชี้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงชะลอยาว ปรับลด GDP เหลือ 2.6% แม้ระยะสั้น ครึ่งหลัง 2024 มีโอกาสฟื้น เงินเฟ้อต่ำ คาดแบงก์ชาติลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปีนี้และปีหน้า
KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรประเมิน ปรับลดคาดการณ์เติบโต เศรษฐกิจไทยในปี 67 จะเติบโตได้ที่ระดับ 2.6% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ 3.7% (การประมาณการที่ไม่รวมผลของนโยบาย Digital Wallet ก่อนหน้านี้คือ 2.9%) และคาดว่าเศรษฐกิจจะโต 2.8% ในปี 68 ตามแนวโน้มศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยเริ่มลดต่ำลงจากปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยการปรับประมาณการเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสำคัญ 3 เรื่อง คือ 1) การนำผลของนโยบาย Digital Wallet ออกจากกรณีฐานในการประมาณการเศรษฐกิจ จากความไม่ชัดเจนและความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบาย 2) การปรับตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมลงเพื่อสะท้อนปัญหาสินค้าคงคลังที่อยู่ในระดับสูงกว่าปกติและความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง และ
3) รายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด -19 มากและมีแนวโน้มยังไม่กลับมาปกติ อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถโตได้ดีขึ้นในช่วงครั้งหลังของปี 67เมื่อการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่จะกลับมาชดเชยการชะลอตัวในช่วงก่อนหน้า และการผลิตภาคอุตสาหกรรมและระดับสินค้าคงคลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
KKP Research ประเมินว่าภายใต้เงื่อนไขของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ค่าเงินบาทในระยะยาวจะเข้าใกล้จุดเปลี่ยนที่อาจกลับด้านเป็นอ่อนค่า จาก ดุลบัญชีเดินสะพัดที่จะเกินดุลได้ลดลงตามดุลการค้า โดยคาดว่าปี67 จะเกินดุลเพียง 0.8% และอัตราดอกเบี้ยของไทยจะอยู่ในระดับต่ำลงตามทิศทางเงินเฟ้อและศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งจะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของไทยและต่างประเทศกว้างกว่าในอดีต
KKP Research ประเมินว่าเงินเฟ้อทั้งในปี 67 และ68 จะอยู่ในระดับต่ำที่ 0.8% และ 0.9% ตามลำดับซึ่งต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย และคาดการณ์ว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งในปี 67 และ 1 ครั้งในปี 68 โดยมีเหตุผลสำคัญ คือ (1) ระดับอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยสูงกว่าที่คาดไว้ จากแนวโน้มการคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะปานกลางที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ (2) ระดับอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่เหมาะสมกับการเติบโตของเศรษฐกิจอาจมีการปรับตัวลดลงตามศักยภาพการเติบโตในระยะยาว (3) แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มต่ำกว่าที่ประเมินไว้
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เศรษฐกิจที่ไทยกำลังเผชิญอยู่เป็นสถานการณ์ที่มีความท้าทายและการชะลอตัวเศรษฐกิจไทยไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยเฉพาะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเพียงอย่างเดียว เพราะการชะลอตัวของเศรษฐกิจบางส่วนเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ไทยสั่งสมมาอย่างยาวนานและเริ่มได้ส่งผลกระทบชัดเจนขึ้น ตอกย้ำอย่างชัดเจนว่าภาครัฐจำเป็นต้องมีการดำเนินนโยบายการคลังและนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจจากโครงสร้างควบคู่กันไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น.- 511-สำนักข่าวไทย