ดร.สมคิด เตือน  ความเสี่ยงโลก กระทบการค้า ลงทุนไทย 

กรุงเทพฯ 1 ก.พ.- อดีตรองนายกฯ สมคิด เตือน “ทรัมป์ เฮจ”  หวั่นเกิดปัญหาสงครามการค้า ระหว่างมหาอำนาจโลก  ยอมรับปัญหาการเมืองฉุดเศรษฐกิจไทย


นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์  อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา “ฝ่าเศรษฐกิจ ปีงูใหญ่  ชวนสร้างไทยให้ยั่งยืน”   ในหัวข้อ “จับชีพจรประเทศไทย” จัดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ว่า  ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลก  สำคัญมากในยุคปัจจุบัน สงครามการค้าของแต่ละภูมิภาคยังรุนแรง  ทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน  ความรุนแรงตะวันออกกลาง ปัญหาทะแดงกระทบากรขนส่งสินค้า   ปัจจัยนอกประเทศ ทั้งการเลือกตั้งไต้หวัน เป็นประเด็นหนึ่งในการเขย่าจึน  สิ่งน่าจับตา คือ การเมืองในสหรัฐเตรียมการเลือกตั้ง “ทรัมป์” อาจกลับมาอีกครั้ง การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ  อาจกระทบต่อการส่งออกไทย จากอุปสรรคการตั้งกำแพงภาษี การกีดกันทางการค้า ของจีนและสหรัฐ    ทั่วโลกจึงต้องระวัง “ทรัมป์ เฮจ” เป็นความเสี่ยงอาจกลับไปมีปัญหากับจีนมากขึ้น  จากนี้ไปไทย อาจคุยไม่ได้ทั้งสองฝั่ง อาจบีบบังคับให้ไทยต้องเลือกทาง คุยกับฝ่ายใดหนึ่งมากขึ้น  

แม้ว่าเศรษฐกิจ สหรัฐ จีน อินเดียดีขึ้น มองว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะดีขึ้นตาม   แต่สถานการณ์กลับไม่เหมือนเดิมตามที่คาดการณ์ เวิลด์แบงก์ ไอเอ็มเอฟ ปรับจีดีพีโลก  2 ครั้งต่อปี นับว่าอนาคตทำนายกันยากมากขึ้น เพราะความผันผวนของปัจจัยต่างๆ   ภาคธุรกิจต้องเตรียมตัวให้พร้อม  เพราะเริ่มมีสัญญาณ เติบโตแบบต่ำลงทุกขณะ หากนำฐานข้อมูลทุก 5 ปี มาพิจารณา  มองว่าในปี 67 นี้ จะเป็นปีอ่อนแอสุด ไอเอ็มเอฟคาดจีดีพีโลก ขยายตัวร้อยละ 3.1   แม้จะมองว่าสหรัฐเติบโตขึ้น  แต่กลับชะลอลง  นับว่ายังดีที่ไม่รุนแรง ในปีนี้คาดว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยอีก เพื่อดูแลเงินเฟ้อของสหรัฐ 


สำหรับ จีนมีปัญหาเศรษฐกิจหนัก หากตลาดหุ้นจีนหายไปร้อยละ 30 คนจบใหม่ไม่มีงานทำ  “สีจิ้นผิง” ต้องทุ่มเท ดันให้ได้จีดีพีโตร้อยละ 4.5  ส่วนญี่ปุ่น ตลาดหุ้นเริ่มกลับมา   เพราะมุ่งพัฒนาหลายด้าน  หากมองผิวเผิน จึงมองว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะดีตามไปด้วย     ขณะที่อินเดียเศรษฐกิจเติบโตสูงมาก น่าเกรงขาม ประชากรครึ่งหนึ่งอายุน้อยกว่า 25 ปี คนหนุ่มสาวมีการศึกษาดีมาก เริ่มบริโภคดี มีกำลังซื้อ  อินเดียว แก้ไขกฎหมายหลายด้าน พัฒนาเศรษฐกิจสูงมาก  โอกาสของอาเซียนจึงมีศักยภาพสูง แต่โอกาสเกิดขึ้นกับประเทศไทยจะใช้โอกาสให้เป็น 

ส่วนเศรษฐกิจไทยยอมรับว่าเศรษฐกิจเริ่มอ่อนแอ เพราะไทยยังเดินไปข้างหน้าช้ามาก  ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน เติบโตอย่างก้าวกระโดด  พัฒนาอุตสหากรรมแห่งอนาคต  ตลาดหุ้นขยับขึ้นตลอด อินโดนิเซีย กลายเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจ มาเลเซีย มุ่งนโยบายเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว นับว่าอาเซียนทุกประเทศปรับตัวเร็วมาก   รัฐบาลจึงต้องทำให้ไทยเป็นที่สนใจจากต่างชาติ  ไทย จึงต้องยึดเกาะนโยบาย เส้นทางสายไหม  (New Silk Raod Economic  belt) ของจีน   เพราะจีนยังใช้ไทยเป็นประโยชน์ เชื่อมต่อการค้าไปสู่ภายนอก 

ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจเติบโตต่ำ Low Growth   จึงต้องดูปัจจัยพื้นฐานของไทย ที่มีศักยภาพแข่งขัน  เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล หรือ AI  อุตสาหกรรมแห่งอนาคต   การใช้เทคโนโลยีต้องกระจายไปทุกจังหวัด  ไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อัตราการเกิดน้อยมาก  ตลาดของผู้สูงอายุจึงมีโอกาส  ไทยยังเผชิญปัญหาฝุ่น PM 2.5 นับว่ากระทบไปหลายส่วน ทั้งการท่องเที่ยว ภาคเศรษฐกิจ    ยอมรับว่า  ปัญหาเศรษฐกิจไทย มาจากปัญหาการเมือง การแบ่งสี แบ่งค่าย มุ่งยึดฐานเสียงในทุกรูปแบบ  รัฐบาลต้องผลักดันนโยบายระยะยาว แม้จะมีมาตรการระยะสั้นบ้าง เมื่อไทยต้องพัฒนาโครงสร้างระยะยาว  จึงเป็นห่วง หารผลักดันเขตอีอีซี  ที่ไม่ได้รับการดูแลสานต่อ จึงทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่สนใจ หากเป็นแบบนี้ โครงการแลนด์บริด อาจมีปัญหาได้


“การบริหารเศรษฐกิจปัจจุบันต้องยึดหลักยุติธรรม ธรรมาภิบาล ความโปร่งใส  ความเชื่อมั่น ความเชื่อใจ ปัญหาการเมือง ยอมรับว่าเศรษฐกิจถดถอย ล้วนมาจากสิ่งเหล่านี้  ไทยกำลังเดินไปสู่จุดที่มีความเสี่ยง  เพราะหากจีดีพีปี 66 ขยายตัวร้อยละ 1.8 คงต้องเตรียมน้ำแข็งโป๊ะหัว จึงต้องเตรียมรับมือกับปัญหาเติบโตต่ำ จึงต้องมุ่งเน้นโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน” นายสมคิด กล่าว.-515-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมตัวเมืองน่าน-เขตเศรษฐกิจขยายวงกว้าง

น่าน 23 ก.ค. – ตอนนี้น้ำท่วมตัวเมืองน่าน รวมทั้งเขตเศรษฐกิจ ยังเพิ่มสูงขึ้นและแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ หลังระดับน้ำท่วมสูงเกิน 9 เมตร และทะลักเข้าท่วม .-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

ตอบโต้เขมร! ปิด 4 ด่าน หลังทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดอีก 1 ราย

23 ก.ค.- ศบ.ทก. เห็นชอบให้ทัพภาค 2 ปิดด่านชายแดน-สถานที่ท่องเที่ยว 4 จังหวัดอีสานใต้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ (24 ก.ค.) หลังล่าสุดทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดอีกราย จากกระแสข่าวมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดบริเวณแนวชายแดนไทยกัมพูชาเมื่อเวลา 16.55 น. นั้น ล่าสุด แหล่งข่าวจากศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงโดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ปรึกษามาที่ ศบ.ทก. เพื่อขออนุญาตปิดด่านในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีษะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวชายแดน เพื่อเป็นการประท้วงกัมพูชา จากการลักลอบวางทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่ง ศบ.ทก. เห็นชอบ ขณะเดียวกันจะส่งหนังสือประท้วงโดยใช้กลไก RBC และรายงานกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประท้วงต่อไป ดังนั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) จะปิดด่านชายแดนทั้งหมดในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานใต้ของไทย หลังจากที่ฝั่งไทยมีการกำหนดเวลาเปิด-ปิด และในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง 3 ปราสาท คือ ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย […]

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย