แบงก์ชาติแจงขึ้นดอกเบี้ยสวนทางเงินเฟ้อ-เร่งแก้หนี้ครัวเรือน

กรงเทพฯ 15 ม.ค. – ธปท. ชี้เศรษฐกิจฟื้นตัว แต่ยังไม่ทั่วถึง-ไม่สมดุล คาดเงินเฟ้อติดลบถึง ก.พ.67 ก่อนเริ่มขยับขึ้น ประเมินปีนี้อยู่ในกรอบเป้าหมาย 1-2 %  ยันไม่มีประขุม กนง.นัดพิเศษ พร้อมแก้หนี้ครัวเรือนเข้มข้น


นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเลขาคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวถึงนโยบายการเงินของ ธปท . แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่  การให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืน ให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืน  และเสถียรภาพความมั่นคงทางการเงิน

ทั้งนี้ เศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วในหลายมิติ แต่ยังไม่ทั่วถึงและไม่สมดุล  ขาดแรงส่งจากภาคส่งออกและภาคการผลิต ปัจจัยเชิงโครงสร้างเป็นข้อจำกัดต่อการขยายตัว  การส่งออกไทยขยายตัวต่ำกว่าประเทศคู่แข่ง  ดัชนีความซับซ้อนของสินค้าส่งออกไทยเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ขณะที่หลายประเทศปรับเพิ่มสูงขึ้น สำหรับปีนี้มองว่าเศรษฐกิจขยายตัวแบบครบครันมากขึ้นโดยเฉพาะการขยายตัวด้าน วัฏจักรอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลกจะกลับมา แต่ความเสี่ยงเชิงโครงสร้างจะทำให้การฟื้นตัวทางอุปสงค์ไม่ขยายตัวเท่าที่ควร


ด้านอัตราเงินเฟ้อของไทยปรับลดลงเร็ว ช่วยจำกัดค่าของชีพไม่ให้สูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงและเนื้อสัตว์ที่ก่อนหน้านี้ปรับเพิ่มสูงขึ้น ก็ปรับลดลง เป็นผลของมาตรการภาครัฐที่มาอุดหนุนด้านพลังงาน โดยราคาสินค้าไม่ได้ลดลงเป็นวงกว้าง  เงินเฟ้อที่ติดลบไม่ได้สะท้อนกำลังซื้อที่แผ่วลง ขณะที่เงินเฟ้อคาดการณ์ยังอยู่ในกรอบ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเงินเฟ้อติดลบแล้วแบงก์ชาติไม่ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย  ทั้งนี้  คาดว่าเงินเฟ้อจะติดลบไปจนถึงอย่างน้อยเดือน ก.พ.2567 และจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งปีนี้คาดว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในกรอบ 1-2 % ซึ่งยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย

ด้าน เสถียรภาพทางการเงิน มองว่าระดับหนี้ที่สูงเป็นจุดเปราะบางสำคัญของเศรษฐกิจไทย หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีลดลงแต่ยังอยู่ในระดับสูง ที่ 90.9% หนี้ภาคธุรกิจ 87.4% หนี้ครัวเรือนส่วนใหญ่คือหนี้เพื่อการบริโภคและบัตรเครดิต  ขณะที่ อัตราดอกเบี้ยไทยอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับโลก

ทั้วนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจยังเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่ง


ธปท. คำนึงถึงผู้ประกอบการที่เดือดร้อนและมีลูกหนี้ที่ลำบาก  ธปท. ได้มีการดำเนินการตามมาตรการเพื่อให้เป็นไปตามกรอบดอกเบี้ยนโยบายต่อไป

นายปิติ ย้ำว่า ธปท. รับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะรัฐบาล และกระทรวงการคลัง ก็มีการพูดคุยกันตลอด และนำมาทบทวนเสมอว่าได้ดำเนินนโยบายถูกต้องแล้วหรือเปล่า ซึ่งก็ยืนยันว่าตอนนี้แบงก์ชาติดำเนินนโยบายไม่ผิดทางแน่นอน  อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯ พร้อมปรับจุดยืนนโยบายให้เหมาะสม หากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเปลี่ยนไปจากที่ประเมินไว้ ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องประชุม กนง. นัดพิเศษ

ด้านนางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท.  เปิดเผยว่าการส่งผ่าน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ไปอย่างระมัดระวังโดยเฉพาะ MRR เพื่อดูแลลูกหนี้รายย่อย รวมถึงมีการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เปราะบางอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนการส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ MRR อยู่ที่ 49% จากอดีตที่ 58% ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ธปท. ปรับลดดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 2- 4%

สำหรับความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือของสถาบันการเงิน ยอดภาระหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือ ณ เดือน ต.คง. 2566 จำนวน 3.46 ล้านล้านบาท หรือ 6.10 ล้านบัญชี  สินเชื่อฟื้นฟูที่อนุมัติแล้ว ( 2 ม.ค.2567 ) จำนวน 2.5 9 แสนล้านบาท หรือ 65,931 ราย  สัดส่วนสินเชื่อภายใต้มาตรการช่วยเหลือของ ธปท. สูงกว่าประเทศอื่นอยู่ที่ 11.5% เมื่อเทียบกับออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ที่น้อยกว่า 1% ขณะที่อินโดนีเซียมาเลเซีย จีน อินเดียอยู่ที่ 1-5%

ธปท. ให้ความสำคัญกับการแก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน  ซึ่งล่าสุดเมื่อ 1 ม.ค. 2567 ออกหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ซึ่งกำหนดบทบาทให้เจ้าหนี้รับผิดชอบลูกค้า ตลอดวงจรการเป็นหนี้อย่างเหมาะสม และหลักเกณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกำหนดหลักเกณฑ์ให้เจ้าหนี้ต้องให้ความช่วยเหลือหนี้ที่มีปัญหาเรื้อรัง (Persistent Debt) ที่เป็นมาตรฐาน เป็นสิทธิชองลูกหนี้ที่เข้าข่ายให้

สามารถปิดจบหนี้ใต้ภายใน 5 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี 

สำหรับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารย์จากปนะชาชนส่วนหนึ่งว่า ธนาคารให้ดอกเบี้ยเงินฝากน้อย แต่เก็บดอกเบี้ยเงินกู้สูง หลายคนผ่อนไม่ไหว นางสาวสุวรรณี บอกว่า ประเด็นนี้ ธปท.ต้องพูดคุยหารือกับธนาคารพาณิชย์ใกล้ชิดขึ้น

ขณะที่ นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน  ธปท. กล่าวว่า การชะลอตัวของสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมาเป็นผลจากการชำระคืนในช่วงหลังโควิดที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี เห็นแนวโน้มการกลับมาให้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้น  

สำหรับตราสารหนี้ภาคเอกชนยังเติบโตได้ต่อเนื่อง แม้ต้นทุนการระดมทุนจะเพิ่มขึ้นบ้าง มียอดคงค้าง และอัตราเติบโตตราสารหนี้ภาคเอกชน เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 9% ในปี 2566 ด้านความเสี่ยงตราสารหนี้ภาคเอกชน ความเสี่ยง roll over อย่างจำกัดเฉพาะกลุ่มผู้ออกที่มีปัญหาเฉพาะตัว.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร