กรุงเทพฯ 30 พ.ย. – จิตตะ เวลธ์ แนะลงทุนหุ้นจีน-เวียดนาม รับวิกฤติที่ราคาหุ้นร่วงแรง รับโอกาสรีบาวน์ใน 1-2 ปีข้างหน้า
นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด (บลจ.) สตาร์ตอัปสัญชาติไทยที่มีจำนวนกองทุนส่วนบุคคลภายใต้การบริหารมากที่สุดในประเทศ เปิดเผยว่า ตลาดโลกยังมีความผันผวนอยู่มาก โดยเฉพาะปัญหาสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่อาจยืดเยื้อจนกระทบบรรยากาศการลงทุนได้ ขณะเดียวกันหากเฟดปรับลดดอกเบี้ยในปี 2567 จะทำให้เกิดการโยกเงินจากสินทรัพย์ปลอดภัยมาสู่สินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น หนุนให้ตลาดหุ้นกลับมามีความน่าสนใจ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ราคามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม Jitta Wealth แนะนำว่านักลงทุนควรคว้าโอกาสลงทุนจากตลาดที่ยังมีโอกาสในการเติบโต แต่กำลังเผชิญวิกฤติจนดัชนีปรับตัวลดลงมามากอย่างตลาดหุ้นจีนและเวียดนาม เพื่อรับโอกาสการเติบโตในอนาคตที่ตลาดจะกลับฟื้นตัวได้ดีใน 1-2 ปีข้างหน้า หากผ่านพ้นวิกฤติไปแล้ว ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมามากแล้ว ดังนั้นโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอาจจะไม่มากแล้ว
“ตลาดหุ้นจีนตกลงมานาน 2-3 ปีแล้ว จากวิกฤติเศรษฐกิจที่ยาวนาน และตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนี CSI300 ปรับตัวลดลง -10.06% (ณ 29 พ.ย.66) แต่มีข้อมูลทางสถิติระบุว่าหุ้นจีนมีโอกาสฟื้นตัวได้ในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า ดังนั้นจังหวะนี้จึงเป็นจังหวะเหมาะสมที่จะทยอยเก็บหุ้นจีนเข้าพอร์ต เช่นเดียวกับตลาดหุ้นเวียดนามที่ปรับตัวลดลงในช่วงก่อนหน้านี้จากวิกฤติอสังหาริมทรัพย์และการปราบการทุจริตในตลาดหุ้น แต่ในปีนี้จะเห็นว่าดัชนี VN Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว 9.55% (ณ 29 พ.ย. 66) ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มปลอดภัยที่มีคุณภาพดีและสามารถหลีกเลี่ยงกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ไปก่อน”
ทั้งนี้ หากดูจากผลตอบแทนหลังวิกฤติของกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking ในปี 64 หลังวิกฤติโควิด Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ สร้างผลตอบแทนได้ถึง 50.19% เอาชนะดัชนี S&P500 ที่ 28.71% ขณะที่ Jitta Ranking หุ้นไทย สร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 38.33% เหนือกว่า SET Index ที่ 17.67% และ Jitta Ranking เวียดนามสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 66.23% สูงกว่า VN Index ที่ทำได้ 37.36% ตอกย้ำว่าการลงทุนช่วงวิกฤติคือโอกาส.-511-สำนักข่าวไทย