นนทบุรี 30 พ.ย. – รมว.พาณิชย์ เผยความคืบหน้าแก้ไขกฎหมายประมงพร้อมแล้ว คาดเตรียมยื่นเข้าที่ประชุม ครม. ได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้ ก่อนเข้าสภาฯต้นปีหน้า เชื่อจะคืนความเป็นธรรมให้ชาวประมงและอุตสาหกรรมประมงสำเร็จ เพื่อให้การค้าประมงไทยมีความเป็นธรรมมากขึ้นด้วย
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการประมงทะเล เพื่อฟื้นฟูการประมงทะเลและอุตสาหกรรมการประมง ร่วมด้วยนายปลอดประสพ สุรัสวดี ที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรี แถลงความคืบหน้าการจัดเตรียมร่างพระราชบัญญัติการประมงของรัฐบาล โดยนายภูมิธรรม กล่าวว่า เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวประมง และอุตสาหกรรมประมงไทยตามที่พรรคเพื่อไทยในฐานัแกนนำรัฐบาลเคยให้คำมั่นสัญญาไว้ เราได้มีการนำร่างกฎหมายที่เคยจัดทำไว้ร่วมกันตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่แล้ว ระหว่างพรรคเพื่อไทยและสมาคมประมงต่าง ๆ กลับมาพิจารณาเพิ่มเติม ปรับปรุง เพื่อให้ครบถ้วนและสมบูรณ์มากขึ้น ตามที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน ให้เสร็จสิ้นภายใน 99 วันแรก ของการเข้ามาบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ จนบัดนี้ร่างกฎหมายได้ดำเนินการจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะนำเข้าคณะกรรมการแก้ไขปัญหาประมงชุดนี้ เพื่อมีมติให้ส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบต่อไป เชื่อว่าจะได้เข้าสภาต้นปีหน้าแน่นอน
“การแก้กฎหมายประมงครั้งนี้จะเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกาประมงที่บังคับใช้ขึ้นอย่างไม่เป็นธรรม การพิจารณากฎหมายในสภาจะดำเนินการควบคู่กับการเจรจากับต่างชาติให้ยอมรับในแนวทางของไทย เชื่อว่าหากทั้ง 2 ส่วนบรรลุตามเป้าหมาย เราจะสามารถคืนความเป็นธรรมให้ชาวประมง และฟื้นคืนชีวิตให้อุตสาหกรรมประมงได้สำเร็จ” นายภูมิธรรม กล่าว
นายปลอดประสพ กล่าวว่า สาระสำคัญในเรื่องของการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวประมงที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการออกกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหา IUU Fishing พ.ศ.2558 ซึ่งมีปัญหาในการบังคับใช้หลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการตราพระราชกำหนดขึ้นบังคับใช้อย่างเร่งด่วน และไม่ได้รับการศึกษาไตรตรองอย่างถี่ถ้วน ส่งผลให้มีผู้ประกอบการประมงถูกดำเนินคดีนับหมื่นราย และมีเรือประมงกว่า 3,000 ลำ ถูกบังคับให้ต้องจอดเรือ ทำให้ผู้ประกอบกิจการประมง รวมไปถึงลูกจ้างไม่สามารถประกอบอาชีพได้ มีการกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล ส่งผลต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงงานน้ำแข็ง ห้องเย็น สถานีน้ำมัน สะพานปลา ตลาดปลา แพปลา และท่าเทียบเรือ นับหมื่นราย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาประมงไทยแต่ละปีมียอดการจับมากกว่า 300,000 ล้านบาท แต่หลังจากถูกบังคับด้วยกฎเกณฑ์ต่าง ๆ จากอียู จนทำให้ธุรกิจประมงไทยไม่สามารถจับปลาทะเลได้โดยงดออกหาปลาทะเลแต่เป็นการนำเข้าปลาจากประเทศเพื่อนบ้านแทนปีละ 100,000 ล้านบาท ดังนั้นรัฐบาลชุดนี้ จึงเห็นว่าควรนำมาสู่การประสานการทำงานเพื่อศึกษาและนำร่างกฎหมายที่พรรคเพื่อไทยและสมาคมประมงได้จัดทำร่วมกันตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่แล้วมาดำเนินการเพื่อผลักดันสู่การประกาศใช้เพื่อบรรเทาปัญหาอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้การดำเนินการของคณะกรรมการเองในช่วงที่ผ่านมาก็ได้มีการปรับปรุง และยกเลิก กฎหมายลูกหลายฉบับที่สามารถทำได้ก่อนไปแล้วด้วย.-514-สำนักข่าวไทย