นนทบุรี 29 พ.ย.-อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าต่อยอดกิจกรรม Smart Senior Care Business รุ่นที่ 2 เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด และกูรูในแวดวงธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ช่วยยกระดับผู้ประกอบธุรกิจให้พร้อมปรับตัว และสร้างนักลงทุนหน้าใหม่เข้าสู่ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอนาคต หวัง เมื่อเรียนจบสามารถยกระดับธุรกิจของตนเองได้และมองเห็นโอกาสใหม่ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง สร้างรายได้กับมาตรฐานให้บริการที่สูงขึ้น
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากล่าวว่า ในวันนี้(29 พ.ย.) กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิด ‘กิจกรรม Smart Senior Care Business’ รุ่นที่ 2 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2566 ณ ศูนย์ประชุม 1 ศตวรรษ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยมีผู้ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมฯ กว่า 120 ราย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจดูแลผู้สูงอายุเตรียมความพร้อมรับมือกับปัญหาและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต พร้อมปรับตัวให้ธุรกิจดำเนินอยู่ได้ และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจ โดยเสริมแกร่งความรู้การบริหารจัดการธุรกิจ การเงิน กลยุทธ์การรักษาฐานลูกค้า และสร้างธุรกิจให้เป็นที่รู้จัก อีกทั้งนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ในการบริหารจัดการและสื่อสารการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“กิจกรรมฯ ได้รับเกียรติจากวิทยากรเชี่ยวชาญด้านธุรกิจดูแลผู้สูงอายุและการบริหารจัดการด้านการตลาดมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ใน 3 หัวข้อ ได้แก่ 1) ไขกลยุทธ์การแข่งขันด้วยนวัตกรรมและ CRM 2) การสร้างแบรนด์ด้วย Social Commerce และ 3) บัญชี ภาษี และวิธีวางแผนด้านการเงิน ซึ่งเนื้อหาทั้งหมดจะเป็นทักษะความรู้ที่จำเป็นอย่างมากต่อการบริหารจัดการธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจกับพันธมิตรในธุรกิจผู้สูงอายุ เช่น สินค้า เครื่องมือการบริหารจัดการ (Tools) สถาบันการเงิน เพื่อต่อยอดและขยายโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน”นางอรมนกล่าว
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมครั้งที่ 2 นี้ ดำเนินงานต่อเนื่องจากกิจกรรม Smart Senior Care Business ครั้งที่ 1 จัดขึ้นเมื่อปลายปี 2565 ซึ่งประสบความความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยประสานความร่วมมือกับสมาคมการค้าและการบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย สร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุคุณภาพที่มีมาตรฐานระดับสากล และสร้างความเข้มแข็งธุรกิจดูแลผู้สูงอายุของไทย ซึ่งกิจกรรมฯ ครั้งนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจมีความพร้อมในการพัฒนาธุรกิจดูแลผู้สูงอายุให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว รองรับโอกาสการขยายตัวของผู้สูงอายุในประเทศ อีกทั้ง ยังมีโอกาสต่อยอดไปยังธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ บริการวางแผนทางโภชนาการ บริการเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวก ความปลอดภัยแก่ผู้สูงอายุ ผู้ช่วยบริหารทรัพย์สินให้เป็นรายได้ และบริการช่วยเหลือผู้สูงอายุให้สามารถเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ซึ่งถ้านักลงทุนมองเห็นช่องว่างจะพบว่ามีโอกาสรออยู่อีกมาก
ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาธุรกิจดูแลผู้สูงอายุให้เติบโต จากสถิติผู้สูงอายุในประเทศไทยปี 2566 จำนวน 12.9 ล้านคน หรือ 19.5% จากจำนวนประชากรทั้งหมด และกำลังเพิ่มสูงขึ้นจนเข้าใกล้สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ ในทางกลับกันประเทศไทยมีธุรกิจดูแลผู้สูงอายุที่จดทะเบียนนิติบุคคลเพียง 712 ราย (ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2566) ซึ่งยังไม่สัมพันธ์กับจำนวนผู้สูงอายุในประเทศ แต่เมื่อพิจารณาจากทุนจดทะเบียนธุรกิจถือว่ามีแนวโน้มที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีทุนจดทะเบียน 2,650 ล้านบาท เป็น 4,228 ล้านบาท และสามารถสร้างรายได้กว่า 1,100 ล้านบาท สำหรับในปี 2566 กรมฯ จึงได้เร่งพัฒนาธุรกิจในกลุ่มนี้ พร้อมกับจูงใจให้นักลงทุนได้มองเห็นถึงโอกาสที่ยังเปิดกว้างในธุรกิจดูแลผู้สูงอายุและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่วางแผนการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ผู้สูงอายุในประเทศมีความเป็นอยู่ที่ดี พึ่งพาตนเองได้ และมีศักยภาพในการพัฒนาประเทศต่อได้ โดยที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2554-ปัจจุบันมีธุรกิจดูแลผู้สูงอายุที่ผ่านการพัฒนาจากกรมฯ แล้วทั้งสิ้น 1,203 ราย.-514-สำนักข่าวไทย