กรมปศุสัตว์เดินหน้าปราบหมูเถื่อน พร้อมฟื้นฟูอาชีพผู้เลี้ยงรายย่อย

กรุงเทพฯ 13 พ.ย.- อธิบดีกรมปศุสัตว์ รับคำสั่ง รมว.ธรรมนัส และ รมช.ไชยา กำชับหน่วยงานทั่วประเทศเดินหน้าปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์เถื่อน ตามข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรีที่เรียกรายงานสถานการณ์และกำชับให้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับการกวาดล้าง “หมูเถื่อน” พร้อมกำหนดมาตรการรักษาเสถียรภาพราคา เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยและคุ้มครองสุขอนามัยผู้บริโภค


นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ได้สั่งการไปยังหน่วยงานสังกัดกรมปศุสัตว์ทั่วประเทศ เพื่อเน้นย้ำมาตรการปราบปรามการลักลอบนำเข้า-ส่งออกสินค้าปศุสัตว์ผิดกฎหมาย ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมในวันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2566 โดยนายกรัฐมนตรีให้รายงานถึงสถานการณ์และความคืบหน้าในการปราบปรามการลักลอบนำเข้า “หมูเถื่อน” 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มีบัญชาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์หรือที่สำแดงผิดประเภท โดยกำชับให้มีมาตรการควบคุมอย่างเคร่งครัดตามด่านศุลกากร และให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เร่งดำเนินคดีที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ


ในวันนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ออกหนังสือด่วนถึงที่สุดถึงอธิบดีกรมปศุสัตว์ เพื่อเน้นย้ำให้เข้มงวดในการตรวจสอบ กักกัน และดำเนินคดีกับสินค้าเกษตรเถื่อนผิดกฎหมาย ตามบัญชาของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะ “หมูเถื่อน” ซึ่งมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นหน่วยงานหลักในการจับกุมและดำเนินคดีสำหรับผู้ลักลอบนำเข้าสู่ราชอาณาจักร ร.อ.ธรรมนัส จึงให้หน่วยงานของกรมปศุสัตว์ในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ และด่านนำเข้าทุกด่าน เข้มงวดในการตรวจสอบ กักกัน และดำเนินคดี หากมีการจับกุมผู้กระทำความผิดในพื้นที่ใดจากหน่วยงาน (ดีเอสไอ) จะถือว่านายด่านหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่นั้น มีความผิดในฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยจะถูกสอบสวนและถูกดำเนินคดีไปด้วย

อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ได้ย้ำให้เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ทั่วประเทศยกระดับปฏิบัติการตามมาตรการเข้มงวดของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ โดยมีมาตรการหลักดังนี้

• จัดทำแผนการกวาดล้างการกระทำผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 


• จัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างกรมปศุสัตว์ กองอำนวยรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัด ร่วมดำเนินการตามแผนดำเนินงานในการกวาดล้างการกระทำผิดกฎหมายทั่วประเทศ รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอข้อมูลห้องเย็นในการเข้าไปตรวจสอบสินค้าปศุสัตว์เถื่อน 

• เร่งดำเนินการตรวจสอบห้องเย็น โรงฆ่าสัตว์ สถานกักกันสัตว์ หรือที่พักซากสัตว์ทั่วประเทศ โดยสนธิกำลังร่วมกับทหาร ตำรวจ ศุลกากร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หากพบผู้กระทำความผิดให้ดำเนินตามกฎหมายทันที โดยให้มีการรายงานผลการดำเนินงานทุกวัน

• สั่งการให้ด่านกักกันสัตว์ตามแนวชายแดน และช่องทางธรรมชาติ ซึ่งมีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้เข้มงวดตรวจสอบขบวนการลักลอบขนสินค้าปศุสัตว์เถื่อนเข้าประเทศไทย เพื่อควบคุมความเสี่ยงในการเกิดโรคระบาดสัตว์

• หากชุดเฉพาะกิจพิเศษจากส่วนกลาง เข้าตรวจสอบห้องเย็นและมีการจับกุมสินค้าปศุสัตว์ลักลอบนำเข้าในพื้นที่ใด ปศุสัตว์จังหวัด ปศุสัตว์อำเภอ หรือด่านกักกันสัตว์ในพื้นที่นั้นจะต้องชี้แจง และจะพิจารณาโทษทางปกครองหรือวินัยหรืออาญา ตามฐานความผิดที่เกิดขึ้นต่อไปด้วย

สำหรับมาตรการที่จะดำเนินการควบคู่กับการปราบปรามสินค้าปศุสัตว์เถื่อน คือ การรักษาเสถียรภาพราคาของสินค้าปศุสัตว์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและการพัฒนาการเลี้ยงสุกรอย่างยั่งยืน ซึ่งได้ประชุมกับผู้แทนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนสมาคมผู้เลี้ยงสุกร ผู้แทนภาคเอกชน ผู้แทนผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย ตัวแทนจากชมรมและสหกรณ์ผู้เลี้ยงสุกรในประเทศไทยไปแล้ว โดยการกำหนดแผนการปฏิบัติงานเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการเบื้องต้นดังนี้

1. การจัดทำโครงการเพื่อของบประมาณในการสนับสนุนการลดประชากรสุกรในวงจรการผลิต โดยนำลูกสุกรส่วนเกินไปผลิตหมูหัน เป้าหมาย 5,000 ตัวต่อสัปดาห์ กำหนดแผนการดำเนินงาน 450,000 ตัว ในระยะเวลา 3 เดือน ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 180 ล้านบาท

2. การผลักดันการส่งออกสินค้าและผลิตภัณฑ์จากสุกรไปยังต่างประเทศ โดยกรมปศุสัตว์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการหาตลาดเพื่อการส่งออก และหาแหล่งเงินทุนเพื่อจัดสรรงบประมาณสนับสนุนส่วนต่างราคา เพื่อเพิ่มช่องทางการระบายสินค้าและจัดการอุปทานส่วนเกินภายในประเทศ ตั้งเป้าหมายในการส่งออกสุกรแปรรูปจากสุกร 60,000 ตัว ภายใน 3 เดือน 

3. การดำเนินการรวบรวมข้อมูลผู้ค้าสุกรหน้าฟาร์มได้แล้ว 500 ราย ซึ่งจะรวบรวมต่อเนื่องให้ครบถ้วน โดยจะขอความร่วมมือผู้ค้าสุกรหน้าฟาร์มให้ร่วมมือกันดำเนินการตามโครงการรักษาเสถียรภาพราคาสุกร ที่คณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ (Pig Board) ให้ความเห็นชอบแล้ว

4. การเดินหน้าปราบปรามหมูเถื่อน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการตรวจสอบห้องเย็นทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้กรมปศุสัตว์ได้รับข้อมูลห้องเย็นทั่วประเทศจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมเรียบร้อยแล้ว 

ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ได้ตั้งวอร์รูมขึ้นเพื่อกำกับและติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานปศุสัตว์ทั่วประเทศตามแผนที่กำหนดไว้ โดยมอบหมายให้รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กำกับและติดตามการทำงานเป็นรายเขต ที่สำคัญคือ จะเร่งฟื้นฟูอาชีพของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายกลางและรายย่อยให้กลับมาเลี้ยงใหม่ได้ และให้มีรายได้อย่างมั่นคง เป้าหมายสำคัญคือ ผู้เลี้ยงอยู่ได้ ไม่ขาดทุน และผู้บริโภคไม่เดือดร้อน ตลอดจนส่งเสริมให้ภาคปศุสัตว์ไทยแข็งแกร่ง ตามภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]