นักเศรษฐศาสตร์แนะรัฐทบทวนแจกเงินดิจิทัล

กรุงเทพฯ 5 ต.ค.-นักเศรษฐศาสตร์เตรียมทำหนังสือถึงรัฐบาล ขอให้ทบทวนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท งบ 5.6 แสนล้านบาท มองได้ไม่คุ้มเสีย ในขณะที่บอร์ดดิจิทัลวอลเล็ตเริ่มประชุมนัดแรกวันนี้


วันนี้ (5 ต.ค.66) คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะประชุมนัดแรก โดยทุกฝ่ายต่างจับตาถึงที่มาของวงเงินที่จะนำมาใช้ราว 5.6 แสนล้านบาท จะนำมาจากที่ใด จะก่อให้เกิดปัญหาวินัยการเงินการคลังหรือไม่ 

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนกรณีที่จะดำเนินนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท แก่ผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เนื่องจากนโยบายดังกล่าวก่อให้เกิดประโยชน์ได้น้อยกว่าต้นทุนที่เสียไป อีกทั้งเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้มีการแจกเงินเพื่อกระตุ้นการบริโภคในระยะสั้นๆ โดยไม่คำนึงถึงวินัยและเสถียรภาพการคลังในระยะยาว


“นักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นสอดคล้องกันที่จะขอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ด้วยความรอบคอบอีกครั้ง เพราะเป็นนโยบายที่ได้ไม่คุ้มเสีย” แถลงการณ์ ระบุ

ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยกำลังค่อยๆ ฟื้นตัวตามศักยภาพ คาดว่าปีนี้จะขยายตัวประมาณ 3.6% และ 3.8% ในปีหน้า สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญที่ค่อยๆ ฟื้นตัวจากวิกฤติโรคระบาดและเงินเฟ้อรุนแรงในช่วงปี 2562-2565 จึงไม่มีความจำเป็นที่รัฐจะต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เพราะที่ผ่านมาการบริโภคภายในประเทศยังคงขยายตัวได้ดีเมื่อเทียบกับการส่งออก

นอกจากนี้ การกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศยังอาจจะสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อให้สูงขึ้นมาอีก หลังจากเงินเฟ้อลดลงจาก 6.1% มาอยู่ที่ประมาณ 2.9% ในปีนี้ ท่ามกลางราคาพลังงานที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในระยะหลัง การกระตุ้นการบริโภคจะทำให้เงินเฟ้อคาดการณ์ (inflation expectation) สูงขึ้น และอาจนำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ยในที่สุด


การใช้เงินงบประมาณจำนวน 5.6 แสนล้านบาท ในนโยบายดังกล่าว ทำให้เสียโอกาสที่จะนำไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล หรือการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ซึ่งล้วนแต่สร้างศักยภาพให้เกิดการเจริญเติบโตในระยะยาวแทนการกระตุ้นการบริโภคในระยะสั้นๆ ซึ่งไม่สมเหตุผลต่อการสร้างภาระหนี้สาธารณะให้แก่คนรุ่นหลัง

การกระตุ้นเศรษฐกิจให้ GDP ขยายตัวด้วยการแจกเงินจำนวนดังกล่าวเข้าไปในระบบ อาจจะเป็นการคาดหวังที่เกินจริง เพราะมีข้อมูลเชิงประจักษ์ว่า ตัวทวีคูณทางการคลัง (fiscal multiplier) มีค่าลดลงมาก โดยเฉพาะการแจกเงินของรัฐ เมื่อเทียบกับตัวทวีคูณทางการคลังของการใช้จ่ายประเภทโอนเงินมีค่าน้อยกว่า 1 ด้วยซ้ำ

“การที่รัฐบอกว่านโยบายนี้จะทำให้เงินหมุนหลายรอบ จะเป็นการเปลี่ยนมือจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งนั้น หมายถึงอัตราหมุนเวียนของเงิน (velocity of money) แต่ผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐที่มีต่อ GDP ต้องดูจากตัวทวีคูณทางการคลังที่ปัจจุบันมีค่าต่ำมาก” แถลงการณ์ ระบุ

ประเทศไทยอยู่ในวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นมาตั้งแต่ปี 2565 เพราะเงินเฟ้อสูงมาก การก่อหนี้จำนวนมาก ไม่ว่ารัฐบาลจะออกพันธบัตรหรือกู้เงินจากรัฐวิสาหกิจ หรือกู้เงินสถาบันการเงินของภาครัฐ ก็ล้วนแต่จะเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเมื่อมีการ rollover ซึ่งจะมีผลต่อเงินงบประมาณในแต่ละปี โดยที่ยังไม่ได้นับค่าดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท

ในช่วงที่โลกเผชิญกับวิกฤติโรคระบาดและภาวะเศรษฐกิจถดถอย รัฐบาลแทบทุกประเทศก็จำเป็นต้องขาดดุลการคลังและสร้างหนี้จำนวนมากเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และรายจ่ายด้านสาธารณสุข แต่หลังจากวิกฤติโรคระบาดและภาวะเศรษฐกิจถดถอยคลี่คลาย หลายประเทศได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะลดการขาดดุลภาครัฐและหนี้สาธารณะลง (fiscal consolidation) เพื่อสร้างที่ว่างทางการคลัง (fiscal space) ไว้รองรับวิกฤติเศรษฐกิจในอนาคต นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตจึงดูจะสวนทางกับสิ่งที่ควรจะเป็น ขณะที่ประเทศไทยมีอัตราส่วนรายรับจากภาษีต่อ GDP เพียง 13.7% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าประเทศอื่นๆ

นอกจากนี้ ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย การเตรียมตัวทางด้านการคลังจึงเป็นสิ่งจำเป็น ขณะที่จำนวนคนในวัยทำงานลดลง และภาวะการใช้จ่ายทางด้านสวัสดิการและสาธารณสุขเพิ่มขึ้น รัฐจึงควรใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า รักษาวินัยและเสถียรภาพทางด้านการคลังอย่างเคร่งครัด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย ขณะที่ ผบ.ตร. อาลัยตำรวจกล้า สั่งต้นสังกัดดูแลสิทธิประโยชน์ เลื่อนเงินเดือนและชั้นยศ

นักโทษกลับใจ

อดีตนักโทษกลับใจ หลังติดคุก 30 ปี โทรคุยกับพ่อทั้งน้ำตา

อดีตนักโทษชีวิตโตมาในคุก ตั้งแต่อายุ 19 จนตอนนี้ อายุ 49 ปี ร่ำไห้กับตำรวจ ขอให้ช่วยพากลับบ้านที่จากมา 30 ปี ตำรวจโทรศัพท์หาพ่อ ให้ 2 พ่อลูกคุยกันทั้งน้ำตา

ตำรวจจีนพาผู้ต้องสงสัยฉ้อโกง 200 ราย กลับจากเมียนมา

พลเมืองจีน 200 รายที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ถูกส่งตัวจากเมืองเมียวดีในเมียนมากลับจีนแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน

เด็ก 12 สูบบุหรี่ไฟฟ้า-ดื่มน้ำกระท่อม ทำปอดหาย

ย่าช็อก หลานวัย 12 ปี อาการวิกฤติ ปอดหายเกือบทั้งหมด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมตั้งแต่ ป.4

ข่าวแนะนำ

ส่งกลับเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนอีก 300 คน

วันที่สองของปฏิบัติการขนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจากเมียวดี ข้ามชายแดนไทย ส่งกลับประเทศอีก 300 คน รวม 2 วัน ส่งกลับแล้ว 500 คน เหลือพรุ่งนี้อีก 1 วัน

บุกทลายบ่อนทุนจีนเทากลางเมืองภูเก็ต

ตำรวจภูเก็ตบุกทลายบ่อน ‘กลุ่มจีนเทา’ กลางเมืองภูเก็ต รวบนักพนันชาวจีน 13 ราย พร้อมของกลางกว่า 30 รายการ พบเงินหมุนสัปดาห์เดียวกว่า 5 ล้านบาท

ซุ่มยิงเจ้าของร้านข้าวแกงเสียชีวิตขณะเปิดร้าน

คนร้ายโหดซุ่มยิงเจ้าของร้านข้าวแกง กระสุนเจาะทะลุคอเสียชีวิต ขณะยกกับข้าวเตรียมเปิดร้าน ตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้ายและปมเหตุสังหาร

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายห้ามเข้าออก

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายพื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าออก พบปิดกิจการตั้งแต่ 16 มี.ค.63 ขณะที่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งโดยรอบ