EXIM BANK ลุย CSR สร้างความยั่งยืน ส่งเสริมอาชีพ “สตรีกลุ่มเปราะบาง” ครบวงจร

28 ก.ย. – EXIM BANK ลุย CSR สร้างความยั่งยืน ส่งเสริมอาชีพ “สตรีกลุ่มเปราะบาง” ครบวงจรตั้งแต่ผลิตสู่การส่งออก


ประเด็นธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (Business and Human Rights) เป็นกระแสความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ของภาคธุรกิจที่องค์การสหประชาชาติ (United Nations : UN) ให้ความสำคัญ โดยสาระสำคัญประกอบด้วยการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (Protect) การเคารพสิทธิมนุษยชน (Respect) และการเยียวยา (Remedy) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ภายใต้บทบาทของธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศไทย โดยไม่ทิ้งคนตัวเล็ก จึงนำเอาหลักสิทธิมนุษยชนมาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร ส่งเสริมความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศในที่ทำงาน การออกผลิตภัณฑ์ การให้บริการ การรับฟังเสียงของลูกค้าอย่างเท่าเทียมโดยไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อพัฒนาศักยภาพพนักงานภายในองค์กร คู่ค้า ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน สร้างประโยชน์สูงสุดต่อชุมชนและสังคมภายใต้แนวคิด Human Right In Process ต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

แนวทางการบริหารของ EXIM BANK คือ People before Profit ตามหลักการ 4P (People, Planet, Productivity, and Profit) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยด้าน People “คนเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการพัฒนา” ไม่ใช่แค่คนในองค์กร แต่ยังรวมถึงลูกค้า ผู้ประกอบการ พันธมิตร และที่ขาดไม่ได้คือ “ชุมชนที่เราอยู่” สำหรับพนักงานของ EXIM BANK มีสวัสดิการ Flexi Benefit เป็นสวัสดิการเท่าเทียม ที่ยืดหยุ่น ปรับได้ตามความต้องการของพนักงานแต่ละคนและแต่ละครอบครัว นอกจากนี้ EXIM BANK ยังสนับสนุนความหลากหลายและยอมรับความแตกต่างในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเพศใด สถานะใดก็ได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ไม่แบ่งแยกเพศ ศาสนา และไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้ EXIM BANK เป็น Empathic Workplace ภายใต้แนวคิด “Diversity & Inclusion”



ภารกิจของ EXIM BANK ได้แก่ การสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทยและการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance : ESG) บนพื้นฐานของการเคารพสิทธิมนุษยชน ผ่านการให้สินเชื่อและการระดมทุน โดยเฉพาะในมิติด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ สินเชื่อ EXIM Green Start สินเชื่อ SLL ของ Sustainability Linked Loan สินเชื่อ Solar Orchestra และสินเชื่อ EXIM Solar D-Carbon Financing และการระดมทุนผ่านการออก Green Bond และ SME Green Bond รวมทั้งสิ้น 8,500 ล้านบาทตามกรอบการระดมทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance Framework) ซึ่งสะท้อนเจตนารมณ์สู่การเป็น Green Development Bank และเน้นย้ำถึงความสำคัญของผลิตภัณฑ์สีเขียวของ EXIM BANK ไม่ว่าจะเป็นการระดมทุนหรือการให้สินเชื่อเกี่ยวข้องกับ “การเคารพสิทธิมนุษยชน” โดยมีส่วนช่วยสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ให้ดีขึ้นช่วยให้มวลมนุษยชาติ สามารถเข้าถึงสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น เขียวขึ้น สะอาดขึ้น น่าอยู่และปลอดภัยมากขึ้น อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกชีวิตพึงจะต้องมีเป็นลำดับต้น ๆ ของชีวิต

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ไม่เพียงแต่นำเอา Human Right In Process มาใช้ในการทำงาน แต่ได้นำมาใช้ในการกำหนดความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในกระบวนการ CSR in Process ของธนาคารด้วย โดยนำเครื่องมือ “เติมความรู้ เติมโอกาส เติมเงินทุน” เข้าไปสนับสนุนให้เกิดการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ต่อยอด และเพิ่มมูลค่า สร้างงาน สร้างอาชีพตลอดห่วงโซ่การส่งออก ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนต่าง ๆ ตัวอย่างโครงการ CSR ของ EXIM BANK คือ การจัดพื้นที่ให้ร้านกาแฟยิ้มสู้ ภายใต้มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ มาจำหน่ายเครื่องดื่มและขนมที่ผลิตโดยผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน และการดูแลกลุ่มเปราะบางที่มีศักยภาพด้านการผลิตสินค้าที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมราชทัณฑ์ให้มีอาชีพเลี้ยงตัวเองเมื่อพ้นโทษแล้ว

“หลายองค์กรเลือกทำโครงการ CSR ปลูกป่าช่วยลดโลกร้อน ซึ่งต้องใช้กำลังคนไปดูแล ถ้าไม่มีคนไปคอยรดน้ำ ให้อยู่ไปตามธรรมชาติ ก็จะล้มตายไป ในขณะที่กลับมาดูตัวเลขของจำนวนผู้ต้องขังในทัณฑสถานทั่วประเทศ ตามสถิติมีผู้พ้นโทษแต่อีกไม่นานก็กลับไปเป็นผู้ต้องขังใหม่ถึง 50% เนื่องจากออกมาแล้วไม่มีงานทำหรือสังคมไม่ให้โอกาส สถิติของมูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย (Kenan Foundation Asia) พบว่า หากมีการบ่มเพาะความรู้ ฝึกอาชีพ จะช่วยให้อัตราการกลับไปเป็นผู้ต้องขังอีกลดลงเหลือ 35% ถ้าทุกคนทุกองค์กรช่วยกันทำให้อัตรานี้ลดลงเหลือ 0% ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากและจะแก้ไขปัญหาสังคมได้อย่างยั่งยืน” ดร.รักษ์ กล่าว


EXIM BANK จึงได้ร่วมกับมูลนิธิคีนันแห่งเอเซียและทัณฑสถานหญิงกลาง ริเริ่ม “โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งผู้ประกอบการสตรีกลุ่มเปราะบาง” ขึ้น เพื่อคืนคนดีให้สังคม สร้างโอกาส พัฒนา และเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการสตรีกลุ่มเปราะบาง ทั้งในกลุ่มผู้ประกอบการสตรีในชุมชนรอบ EXIM BANK ในเขตพญาไทและเขตจตุจักร รวมถึงผู้ต้องขังสตรีที่ใกล้พ้นโทษจากทัณฑสถานหญิงกลาง ให้สามารถพึ่งพาตนเองสร้างรายได้จากการประกอบอาชีพ และเชื่อมโยงไปสู่ตลาดการส่งออกในอนาคต และได้ร่วมกับลูกค้า EXIM BANK รวม 5 องค์กรคือ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA บริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมโครงการรับซื้อสินค้าจากกลุ่มสตรีเหล่านี้ไปใช้ในกิจการ

นางระพีพันธ์ หิมะคุณ เจ้าพนักงานราชทัณฑ์อาวุโส ดูแลฝึกอาชีพผู้ต้องขังหญิง ทัณฑสถานหญิงกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้ร้านชวนชมซึ่งเป็นร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของผู้ต้องขังหญิงในส่วนของการฝีมือขายได้เดือนละ 3 แสนบาท มีจำนวนผู้ต้องขังหญิงที่ทัณฑสถานนำมาฝึกฝีมือ ฝึกอาชีพ 190 คน มีการแบ่งปันผลประโยชน์เป็นไปตามกฎหมายคือ 50% ของกำไรสุทธิที่หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว เงินเหล่านี้จะสะสมไว้เป็นเงินทุนสำหรับผู้ต้องขังเมื่อพ้นโทษและไปประกอบอาชีพ ปัจจุบันสินค้ามีจำหน่ายที่เพจผลิตภัณฑ์ทัณฑสถาน ในเว็บไซต์ และในแพลตฟอร์ม Shopee ซึ่งมีออเดอร์จากต่างประเทศเข้ามาซื้อจากแพลตฟอร์มออนไลน์ และมียอดสั่งซื้อจากส่วนราชการและเอกชนที่ต้องการนำสินค้าไปใช้

นางระพีพันธ์ กล่าวว่า ผู้ต้องขังสามารถที่จะส่งสินค้าไปต่างประเทศได้ หากสังคมให้โอกาส ก็จะมีชีวิตใหม่หลังพ้นโทษ เป็นการนำคนดีกลับคืนสู่สังคม คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ปัจจุบันสังคมเมืองและสังคมโลกเปลี่ยนแปลงไป ผู้หญิงมีความสามารถที่หลากหลาย โครงการ CSR ที่ให้ความรู้ด้านการประกอบอาชีพจะช่วยเสริมสร้างและหล่อหลอมให้เกิดคนดีที่มีความคิด ประกอบอาชีพสุจริต ขอบคุณคีนันและ EXIM BANK ที่นำสิ่งดี ๆ มาให้คนเหล่านี้ ทำให้หลายครัวเรือนมีงานทำและมีรายได้จุนเจือครอบครัว

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีการทำ CSR อยู่แล้ว การเข้าร่วมรับซื้อสินค้าจากสตรีกลุ่มเปราะบางถือเป็นการคืนคนดีให้กับสังคม เป็นการคืนกำไรให้กับสังคมทางหนึ่ง คืนความสุขให้กับพนักงาน คืนกำไรให้กับผู้ถือหุ้นด้วย สิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญและทำให้เรามีส่วนพัฒนาสังคมให้ยั่งยืน

นายวสุ กลมเกลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เราสนับสนุนโครงการของ EXIM BANK เพราะเป็นโครงการที่ดีที่จะช่วยเหลือผู้ต้องขังให้มีอาชีพและสามารถกลับเข้ามาสู่สังคมได้ ปกติบริษัททำ CSR ต่อเนื่องด้วยการส่งเสริมอาชีพให้แก่ชุมชนด้วยการให้ปลูกผักใต้แผงโซลาร์เซลล์อยู่แล้ว แต่โครงการนี้เป็นการสร้างงาน สร้างอนาคตให้โอกาสกับคน เป็นโครงการที่ดีมาก จึงอยากสนับสนุน
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวต่อไปว่า ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้า (EXAC) ของ EXIM BANK จะบ่มเพาะกลุ่มสตรีเปราะบางให้มีความรู้ในการทำธุรกิจ การวางแผน การทำบัญชี การสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าด้วยตราสัญลักษณ์และบรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งการเขียนโมเดลธุรกิจ เพื่อจะได้เข้าใจองค์ประกอบของธุรกิจ และนำไปสู่การต่อยอดหรือหาเงินทุนสำหรับขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งวิธีการสร้างงานสร้างอาชีพจะช่วยให้ผู้ต้องขังที่กำลังจะพ้นโทษมีอาชีพ มีรายได้ เป็นการสนับสนุนอย่างยั่งยืนที่ดีที่สุด

จากความมุ่งมั่นในการนำเอาหลักสิทธิมนุษยชนมาเป็นพื้นฐานในการบริหารจัดการองค์กรและปฏิบัติงานในทุกระดับตลอดห่วงโซ่อุปทานร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยและโลกโดยรวมไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ทำให้ EXIM BANK ได้รับรางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ระดับดีเด่น ประจำปี 2566” ประเภทองค์กรรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม นับเป็นธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (SFI) ในสังกัดกระทรวงการคลังแห่งเดียวที่ได้รับรางวัลในปีนี้ . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย […]

องคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทาน ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 26 ก.ค.- สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนศรีสะเกษ ดุเดือดกว่าทุกวัน ขณะองคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนที่ศูนย์อพยพ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีเดินทางมายังที่พักอาศัยของผู้อพยพ จ.ศรีสะเกษ มอบสิ่งของพระราชทานให้กับประชาชน พร้อมแจ้งให้ทราบถึงกระแสความห่วงใย หลังทราบข่าวประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรงมีความห่วงใยประชาชนและไม่ประสงค์ที่จะเห็นมีการบาดเจ็บล้มตายเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย ขอให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่อพยพไปอีกสักระยะ ขณะเดียวกัน พยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ให้บริการตรวจดูแลสุขภาพเบื้องต้นและปฏิบัติการทางจิตรฉรีญาพร้อมมอบสิ่งของให้กับผู้อพยพหลังต้องจากบ้านมาวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งตามหลักบางรายอาจเกิดความเครียดสะสมขึ้นได้ ปกติแล้วบริเวณศูนย์อพยพแห่งนี้ซึ่งห่างจากชายแดนประมาณ 40 กิโลเมตร จะไม่ได้ยินเสียงปืนใหญ่ แต่วันนี้แม้จะอยู่ที่ศูนย์อพยพก็สามารถได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ไม่น้อยกว่า 9 นัดแล้วในขณะนี้ -สำนักข่าวไทย

เชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอด “ภูมะเขือ” กองทัพยึดคืนพื้นที่เบ็ดเสร็จ

26 ก.ค.- ธงชาติไทยโบกสะบัด! ปักยอด “ภูมะเขือ” หลังทหารไทยเปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่คืนจากฝ่ายกัมพูชาสำเร็จช่วงเย็นวานนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า เมื่อเวลา 09.20 น. ได้มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดภูมะเขือ หลังจากที่ทหารไทยได้เปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ่ายทหารกัมพูชาได้วางกำลังไว้อย่างหนาแน่น และสามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการเข้าตีเพื่อแย่งยึดพื้นที่คืนอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการระดมยิงปืนใหญ่และเตรียมการจัดกำลังเข้าตีตอบโต้ฝ่ายไทย -สำนักข่าวไทย