ส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไทย 7 เดือนปี 66 ขยายตัวดีต่อเนื่อง

นนทบุรี 19 ก.ย.-สนค.เผยยอดการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ของไทยในช่วง 7 เดือนแรก ของปี 2566 ขยายตัวต่อเนื่องโดยเนื้อไก่ทั้งแช่แข็งและแปรรูปมีมูลค่าการส่งออกสูงถึงร้อยละ 87.47 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ทั้งหมดของไทย แนะผู้ประกอบการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตและอุปทานในตลาดโลก


นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้ติดตามสถานการณ์การค้าสินค้าปศุสัตว์ของไทยในช่วง 7 เดือนแรก (มกราคม – กรกฎาคม 2566) พบว่ามีมูลค่าส่งออกรวม 2,654.57 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 5.62 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า โดยสินค้าปศุสัตว์ส่งออกที่สำคัญของไทย คือ เนื้อไก่ทั้งแช่แข็งและแปรรูป มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 2,322.04 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 3.44 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 87.47 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ทั้งหมดของไทย ทั้งนี้ หากพิจารณาการนำเข้าเนื้อไก่ฯ ของโลก ในช่วงเดือนมกราคม – เมษายน 2566 พบว่า ไทยมีส่วนแบ่งตลาดโลกอยู่ที่ร้อยละ 12.06 (จากเดิมส่วนแบ่งร้อยละ 11.23) นอกจากนี้ ในส่วนของไข่ไก่สดมีมูลค่าการส่งออก36.19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวถึงร้อยละ 151.36 

จากแดชบอร์ดวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics Dashboard) ‘ไก่เนื้อ’ ของเว็บไซต์ คิดค้า.com พบว่าในช่วง 7 เดือนแรก มูลค่าการส่งออกไก่เนื้อและผลิตภัณฑ์ของไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.44 มูลค่าการส่งออกไก่เนื้อทั้งตัว สด แช่เย็นหรือแช่แข็ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 255.41 และมูลค่าการส่งออกชิ้นเนื้อและส่วนอื่น ๆ สด แช่เย็น หรือแช่เย็นจนแข็ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.71 และมูลค่าการส่งออกเนื้อไก่ตัดขนาดเท่าลูกเต๋าแช่แข็งแห้ง (ฟรีซไดรด์) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.01 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ส่วนมูลค่าการส่งออกเนื้อไก่ปรุงแต่ง ลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ -6.79 


ตลาดส่งออกสำคัญของไทยสำหรับสินค้าไก่ คือ ญี่ปุ่น มีสัดส่วนร้อยละ 40.95 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าไก่จากไทยไปโลก (และไทยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 51.90 ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าดังกล่าวทั้งหมดของญี่ปุ่น) ส่วนตลาดส่งออกที่สำคัญอื่น ๆ ได้แก่ สหราชอาณาจักร (สัดส่วนร้อยละ 17.26) สาธารณรัฐประชาชนจีน (สัดส่วนร้อยละ 12.33) เนเธอแลนด์ (สัดส่วนร้อยละ 8.39) เกาหลี (สัดส่วนร้อยละ 5.04) มาเลเซีย (สัดส่วนร้อยละ 4.94) และประเทศอื่น ๆอาทิ สิงคโปร์ ไอร์แลนด์  เยอรมนี แคนาดา และฝรั่งเศส ฯลฯ (สัดส่วนร้อยละ 11.09) ทั้งนี้ จากการประเมินช่องว่างโอกาสการขยายมูลค่าการส่งออกของไทย (Potential GAP Analysis) โดยพิจารณาจากประเทศที่มีมูลค่าการนำเข้าสินค้าไก่สูง แต่ไทยยังมีส่วนแบ่งตลาดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยส่วนแบ่งตลาดของไทยในโลก พบว่าประเทศที่ไทยยังมีช่องว่างในการขยายมูลค่าการส่งออก 3 อันดับแรก คือ ฝรั่งเศส เยอรมนี และซาอุดีอาระเบีย มีส่วนต่างเป้าหมายการส่งออกอยู่ที่ 94.51, 76.50 และ 57.90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามลำดับ 

“ตลาดอียูมีแนวโน้มบริโภคไก่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศฝรั่งเศส และเยอรมนี ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสรักสุขภาพ และโครงสร้างประชากรในประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลง เนื้อไก่เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพชั้นดี ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ จึงมีความต้องการบริโภคมากขึ้น ส่วนประเทศซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง มีประชากรมากถึง 35.6 ล้านคน และมีสัดส่วนการนำเข้าอาหารสูงที่สุดในกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ ปัจจุบันซาอุดีอาระเบียนำเข้าผลิตภัณฑ์ไก่จากทั่วโลก เฉลี่ยปีละ 6.5 แสนตัน ซึ่งส่วนแบ่งตลาดของไทยในตลาดดังกล่าวยังถือว่าไม่มากนัก แต่ทั้ง 3 ประเทศ เป็นตลาดศักยภาพที่มีมูลค่านำเข้าสูง จึงเป็นโอกาสที่ไทยควรเร่งขยายการส่งออกไปยังตลาดเป้าหมายเหล่านี้” นายพูนพงษ์กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการควรเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตและอุปทานในตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของต้นทุนอาหารสัตว์ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะต้นทุนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่กลับมาตึงเครียดขึ้น สถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในประเทศบราซิล ซึ่งรายงานล่าสุดของ United States Department of Agriculture (USDA) ระบุว่ายังไม่มีการรายงานการแพร่ระบาดในวงกว้าง หรือเรื่องของสถานการณ์ภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาทิ สถานการณ์เอลนีโญที่อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ 


อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ อาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลก แต่ก็ยังมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของการส่งออกสินค้าดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการประกาศลดระดับการจัดการโรคโควิด-19 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งทำให้จีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมการนำเข้า และจะมีการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตและแปรรูปไก่แช่แข็งของไทยที่สามารถส่งออกไปจีนได้เพิ่มเติม (ปัจจุบันมี 20 โรงงานที่สามารถส่งออกมาจีนได้) แนวโน้มความต้องการบริโภคไก่เนื้อที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก จากราคาที่ต่ำกว่าราคาเนื้อสัตว์ประเภทอื่น กระแสรักสุขภาพ ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ทั้งที่บรรลุข้อตกลงแล้วและมีแผนที่จะเจรจา ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและขยายตลาดใหม่ ๆ ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ของไทย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]