รมว.ดีอีเอส มอบนโยบายกระทรวงโดยโฟกัส 3 ด้านสำคัญ

กรุงเทพ 14 ก.ย.-รมว.ดีอีเอส แถลงนโยบายการดําเนินงานของกระทรวง ภายใต้แผนงาน “The Growth Engine of Thailand” โดยโฟกัส 3 ด้านสําคัญ เพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศในระยะถัดไป


นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แถลง นโยบายการดําเนินงานของกระทรวง ภายใต้แผนงาน “The Growth Engine of Thailand” ว่า เครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศจะให้ความสําคัญใน 3 ด้าน ประกอบด้วย 1. การเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลในการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศ (Thailand Competitiveness) 2. การสร้างความมั่นคงและปลอดภัยของเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (Safety & Security) และ 3. การเพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์ด้านดิจิทัลของประเทศ (Human Capital)

นายประเสริฐ กล่าวว่า เครื่องยนต์ที่ 1 ของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศคือ แนว ทางการเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลในการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศ ซึ่งกระทรวงดิจิทัลฯ จะมุ่งเน้นในเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างโอกาสจากโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ อย่างจริงจัง โดยจะเร่งพัฒนาระบบสื่อสารโทรคมนาคมและเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 5G ให้มีการใช้งาน ที่สอดคล้องกับการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม สร้างโอกาสความร่วมมือด้าน การค้าการลงทุนผ่านโครงข่ายการสื่อสารระหว่างประเทศสู่ระดับนานาชาติ มุ่งเน้นบทบาทในการเป็นศูนย์กลาง การเชื่อมโยงระบบเครือข่ายเคเบิลใต้น้ําผ่านกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาค การขยายโอกาสผ่านเส้นทาง One- belt และ China Plus One เร่งรัดและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการค้าออนไลน์และ E-commerce ลดความยุ่งยาก ในการใช้ National Digital ID หรือระบบพิสูจน์ยืนยันตัวตนของผู้รับบริการภาครัฐและเอกชนผ่านระบบออนไลน์ เตรียมพร้อมรองรับยุคเศรษฐกิจ AI อีกทั้งเร่งให้เกิดแผนแม่บทการส่งเสริมการพัฒนา AI โดยเฉพาะการวางแนว ทางการเยียวยาความเสียหายจากความผิดพลาดของ AI (Responsible AI) อย่างมีทิศทาง


นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ จะเร่งสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของไทยสู่เวทีโลกจากเศรษฐกิจ ดิจิทัล ผ่านแผนงานการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของ Digital Startup เน้นการสร้างระบบ Co-Investment และกองทุนเพื่อการพัฒนา Digital Startup Go Global ยกระดับศักยภาพการสร้างรายได้ของ เกษตรกร สนับสนุนผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ให้สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น New World of Digital Content and E-SPORTS และเป็นจุดหมายทางการค้า การลงทุนในเวทีโลก ส่งเสริมการลงทุนจัดตั้งธุรกิจ OTT Platform ในประเทศไทย พร้อมเร่งประสานแก้ไขปัญหาเพื่อให้การจัดตั้งธุรกิจมีความสะดวกและเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีธุรกิจประเภทต่าง ๆ โดยมุ่งพัฒนามาตรการ หรือสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนเพื่อให้ไทยเป็นระบบนิเวศที่แข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการปรับตัวไปก่อนหน้าได้ อีกทั้งพัฒนา National Platforms เพื่อเป็นส่วนช่วยในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ สร้างสังคมดิจิทัลบนฐานความรู้ ทั่วถึง รู้ประยุกต์ใช้เป็น โดยเปิดโอกาสการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพื่อการ เรียนรู้แก่เด็กและเยาวชนผ่านการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน สร้างโอกาสให้เด็กและเยาวชนไทยสามารถสืบค้น ข้อมูลในห้องสมุดโลกผ่านระบบ AI ที่มีความปลอดภัยและมีความถูกต้องของข้อมูล ยกระดับชุมชนสู่การเป็น ชุมชนดิจิทัล หรือ One Community One Digital โดยการส่งเสริมให้ชุมชนประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้าง รายได้และก้าวทันความเปลี่ยนแปลงในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เร่งเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของรัฐบาลดิจิทัล โดยการเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่ของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการบริการแก่ภาคประชาชน ภาคเอกชน หรือแม้แต่ภาครัฐในทุกมิติ และการเปิด API ให้ประชาชนและภาคเอกชนสามารถใช้ประโยชน์ได้ สะดวกยิ่งขึ้น พร้อมเร่งรัดให้เกิดบริการภาครัฐแบบ One Stop Service พัฒนาระบบ One Wallet ส่งเสริมการ นําเทคโนโลยี Blockchain และ Smart Contracts มาใช้สร้างกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ประชาชนและธุรกิจภาคเอกชนสามารถเข้าถึงการบริการได้สะดวก ปลอดภัย โดยจะเปิดโอกาสให้ Digital Startup ไทยเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบสร้างเครือข่ายนานาชาติและ Digital Diplomacy เชิงรุกระหว่างประเทศ โดยเตรียมความพร้อมเข้า เป็นสมาชิก Organization for Economic Cooperation and Development (OECD) และร่วมมือกับ หน่วยงานด้านดิจิทัลระหว่างประเทศในเวทีพหุภาคี ส่งเสริมและกระชับความร่วมมือเชิงรุกในรูปแบบทวิภาคีกับ ประเทศแถวหน้าด้านดิจิทัล และเร่งสร้าง Mega Program พลิกโฉมประเทศไทย ผ่านการพัฒนา ASEAN Digital HUB โดยการขยายผลโครงการ Thailand Digital Valley ให้เชื่อมโยงกับการพัฒนาเขตธุรกิจใหม่ (New Business Zone) และขยายเขตเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ทั่วประเทศ

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า เครื่องยนต์ที่ 2 แนวทางการสร้างความมั่นคงและปลอดภัยของเศรษฐกิจ และสังคมดิจิทัลจะต้องเร่งรัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนไทย ผ่านแผนงานการแก้ไขปัญหา อาชญากรรมไซเบอร์โดยเร่งด่วน โดยจะประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบและจับกุมผู้เปิด บัญชีแทน/บัญชีม้าในประเทศไทย เว็บพนันออนไลน์ รวมถึงมิจฉาชีพคอลล์เซ็นเตอร์ และจะเพิ่มประสิทธิภาพ ระบบการอายัดบัญชีให้ทันท่วงที ควบคู่ไปกับการป้องกันการจู่โจมทางไซเบอร์จากต่างประเทศ ผ่านแผนงาน การสร้างศูนย์เตือนภัยไซเบอร์ (Cyber Alert Center) ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมส่งเสริมการยกระดับศูนย์ ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศทุกระดับ เตรียมความพร้อมภาครัฐและภาคเอกชน ด้านข้อมูลและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยการให้ความรู้และส่งเสริมให้เกิดความพร้อมด้านการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคลและความมั่นคงปลอดดภัยไซเบอร์ รวมถึงการส่งเสริมระบบคลาวด์กลางภาครัฐ ทั้งในระดับ ความมั่นคงปลอดภัยสูงสุดและระดับทั่วไป

ในส่วนของเครื่องยนต์ที่ 3 การเพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์ด้านดิจิทัลของประเทศ กระทรวงดิจิทัลฯ จะให้ ความสําคัญกับการผลิตเมล็ดพันธุ์ดิจิทัล สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย ผ่านการสร้างโรงเรียนโค้ดดิ้งสําหรับเด็กไทยทุกคน (Coding Thailand) และการสร้างห้องเรียนทางเลือกให้เด็กมีสิทธิเลือกเรียนวิชาชีพอนาคต ตรงใจ ตรงตัว ตรงงาน รวมถึงการสร้างเด็กอาชีวะดิจิทัล (Digital Skills for Future Industries) สร้างแรงงานไทยให้มี ทักษะและความรู้ด้านดิจิทัลโดยการสร้างห้องเรียนฟรีสําหรับคนไทยวัยทํางานจัดให้มีห้องเรียนเปิดด้านดิจิทัลหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ของคนไทย เรียนฟรี 24 ชั่วโมง ช่วยให้คนวัยทํางานทุกคนมีโอกาส Upskill และ Reskill ทักษะที่เหมาะสมกับตัวเอง และทักษะอื่นที่จําเป็นสําหรับงานในโลกอนาคต และจัดให้มีมาตรการทาง ภาษีเพื่อกระตุ้นการพัฒนาทักษะดิจิทัล (Incentives for Thais)


นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มกําลังคนดิจิทัลในสาขาขาดแคลน โดยการพัฒนาระบบการศึกษาด้านดิจิทัล รูปแบบเปิด(OpenDigitalUniversity)มุ่งพัฒนาระบบการเรียนบนโลกดิจิทัลเพื่อสร้างโอกาสให้คนไทยได้เรียนกับมหาวิทยาลัยชั้นนําหรือบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลระดับโลกผ่านระบบ 5G พร้อมดึงดูดกําลังคนในสาขาที่ขาดแคลนยิ่งยวด โดยให้มี Global Digital Talent Visa สําหรับเด็กที่จบจากมหาวิทยาลัย Top 600 ระดับโลก มี โอกาสได้มาท่องเที่ยวและทํางานกับบริษัทไทยที่มีความตกลงได้โดยสะดวก เพื่อประโยชน์ในการเติมเต็มกําลังคน ของประเทศ และสร้างโอกาสด้านดิจิทัลให้คนกลุ่มเปราะบาง ผ่านแผนงาน Digital for ALL หรือการพัฒนา ทักษะดิจิทัลสําหรับผู้สูงวัยและผู้พิการ เพื่อให้เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิต มีงานทํา และมีรายได้

“ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ ได้กําหนดแผนงานระยะสั้น ซึ่งจะดําเนินการโดยทันที ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์ เตือนภัยไซเบอร์ (Cyber Alert Center) เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน เร่งส่งเสริมชุมชนดิจิทัลโดรนใจ ตาม แผนการดําเนินงานยกระดับชุมชนสู่การเป็นชุมชนดิจิทัล หรือ One Community One Digital ไม่น้อยกว่า 500 ชุมชน 50 ธุรกิจ ครอบคลุมพื้นที่ 4 ล้านไร่ เพื่อเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้กับเกษตรกร เร่งสร้างและพัฒนา อาชีพในอุตสาหกรรมเกมและกีฬา E-SPORTS แก่เยาวชนไทยมากกว่า 80,000 คน โดยคาดว่าจะเกิดการ หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมแก้ไขปัญหาการขาดแคลนกําลังคนแก่ ภาคอุตสาหกรรมผ่าน Global Digital Talent Visa เพื่อเปิดประเทศไทยในเวทีการแข่งขันโลกในระยะถัดไป” .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]