กรุงเทพฯ 12 ก.ย.-ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ส.ค.ต่ำสุดในรอบ 1 ปี เตรียมเสนอแผนต่อรัฐบาลร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วน ขยายค้าชายแดน แก้ปัญหาส่งออกหดตัว เห็นด้วยฟรีวีซ่าจีน-อินเดีย เสนอปรับโครงสร้างราคาพลังงานระยะยาวดึงดูดการลงทุน
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ส.ค.66 อยู่ที่ระดับ 91.3 ปรับตัวลดลง จาก 92.3 ในเดือน ก.ค.66 ปรับตัวลงดิดต่อกันเป็นเดือนที่สอง และต่ำสุดในรอบ 1 ปี ค่าดัชนีฯปรับตัวลดลงเกือบทุกองค์ประกอบ ทั้งดัชนีฯ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ยกเว้นต้นทุนประกอบการ เป็นผลมาจากการส่งออกที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก และกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าที่อ่อนแอ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป ส่งผลให้ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมลดลง
ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวช้า โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนทางการเงินและภาระหนี้ของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น ขณะที่สภาพอากาศที่แปรปรวนจากผลกระทบปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรและรายได้ของเกษตรกรลดลง กดดันกำลังซื้อในส่วนภูมิภาค นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใตัรัฐบาลผสม แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวช่วยสนันสนุนการบริโภคในประเทศ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลง
สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 99.5 ปรับตัวลดลง จาก 100.2 ในเดือน ก.ค.66 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปราะบางและไม่แน่นอนกระทบต่อภาคส่งออกของไทยในช่วงครึ่งหลังปี 66 รวมถึงอุปสงค์ในประเทศที่ยังฟื้นตัวช้า นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังกังวลนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อตันทุนการผลิต อาทิ การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ และนโยบายด้านพลังงาน
ประธานส.อ.ท. ยังกล่าวถึงข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐ ดังนี้
1. เสนอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศ ทดแทนอุปสงค์จากต่างประเทศที่ชะลอตัว อาทิ มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี มาตรการเพิ่มกำลังซื้อ และกระตุ้นการบริโภคในประเทศ เป็นตัน 2. เสนอให้ภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs เช่นมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การปรับโดรงสร้างหนี้ การลดค่าไฟฟ้า ราคาน้ำมันและก๊าซ การสนับสนุนสินค้า SMEs เป็นตัน 3. เสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.25% ต่อปี รวมถึงกำกับดูแลส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้ (Spread) ให้ส่วนต่างลดลง เพื่อช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ
และ4. เร่งรัดโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) แล้ว ให้ดำเนินการลงทุนตามที่ได้รับอนุมัติ และจัดกิจกรรม Roadshow เชิงรุกเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจที่ย้ายฐานการผลิตออกมาจากจีน
“ ส.อ.ท.เตรียมทำข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล ต้น ต.ค.นี้ เพื่อเสริมแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศให้ตรงจุด เช่น จัดลำดับความสำคัญของปัญหาเร่งด่วนภายใน 6 เดือน – 1 ปี กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนการแก้ไขปัญหาเรื่องพลังงานนั้น รัฐบาลควรพิจารณาเกี่ยวกับการปรับโครงสร้าง ไม่ใช่การปรับลดราคาเป็นครั้งคราว ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติด้วย”นายเกรียงไกรระบุ
นายเกรียงไกรกล่าวว่า จากการรับฟังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เห็นว่านโยบายที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจคือ มาตรการฟรีวีซ่ารับช่วงไฮซีซั่น เพื่อผลักดันให้จำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ถึงเป้า 28-30 ล้านคน เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรเพียงตัวเดียวที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และจากการส่งออกที่หดตัว ระยะสั้นควรหันมาให้ความสนใจการค้าชายแดน และตลาดอาเซียนที่มีความสำคัญมาก เพราะมีสัดส่วนมากถึง 24% ซึ่งความจริงแล้วก็เหมือนเศรษฐกิจภายในประเทศ เพียงแค่ขนส่งข้ามชายแดนไปเท่านั้น ซึ่งสามารถดำเนินการได้รวดเร็ว
ด้านนายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า เท่าที่ฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาล รู้สึกว่ายังไม่ตรงปกตามที่พรรคการเมืองได้ประกาศไว้ต่อภาคประชาสังคม ซึ่งหากรัฐบาลชี้แจงไม่ชัดเจน จะสร้างความกังวลเพิ่มขึ้น.-สำนักข่าวไทย