EXIM BANK ชี้โอกาสส่งออกไปจีน ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคจีนยุคใหม่

11 ก.ย. – ภาวะการส่งออกของไทยในครึ่งปี 2566 แม้จะหดตัว 5.4% ด้วยมูลค่า 141,170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังนับว่าหดตัวน้อยกว่าคู่แข่งหลายประเทศ เช่น ไต้หวัน ติดลบ 18.1% เกาหลีใต้ ติดลบ 12.4% เวียดนาม ติดลบ 12% มาเลเซีย ติดลบ 8.4% เป็นต้น การค้าโลกที่ชะลอตัวเป็นผลมาจากปัจจัยลบโดยเฉพาะทิศทางดอกเบี้ยโลกปรับตัวเป็นขาขึ้นเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ได้รับแรงกดดันจากราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูงจากผลกระทบของสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย


ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ในครึ่งหลังของปีนี้ การส่งออกของไทยยังมีลุ้นที่จะกลับมาเป็นบวกทำให้มูลค่าการส่งออกทั้งปี 2566 จะขยายตัวได้ 0% หรือ Zero Growth จากปัจจัยเกื้อหนุนที่สำคัญ 3 ประการคือ

  1. เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงน้อยกว่าที่คาด ล่าสุดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 เป็น 3% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 2.8% โดยหลายฝ่ายเริ่มมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป (EU) จะรอดพ้นจาก Recession
  2. Global Supply Chain เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ สะท้อนได้จากปัญหาการขาดแคลนชิปที่ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น และค่าระวางเรือที่ปรับลดลงจากที่สูงขึ้นไปมากในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19
  3. สินค้าส่งออกของไทยหลายรายการยังเป็นที่ต้องการในตลาดโลก ทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เช่น ผลไม้ น้ำตาล ไก่ ข้าว เป็นต้น ตลอดจนสินค้าอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศ เครื่องใช้สำหรับเดินทาง เป็นต้น

หนึ่งในตลาดส่งออกที่น่าสนใจคือ จีน หากหันกลับมาดูการส่งออกของไทยไปจีน นับตั้งแต่ปี 2562 ยังขยายตัวต่อเนื่องแม้ในช่วง COVID-19 ในปี 2563 และปี 2564 ที่ขยายตัวได้ 2.2% และ 25% ตามลำดับ (ปี 2564 มูลค่าส่งออกของไทยไปจีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมีอัตราขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี) อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 จีนใช้นโยบาย Zero COVID อย่างเข้มงวด กดดันให้การส่งออกของไทยไปจีนหดตัว 7.6% ต่อมาหลังจีนกลับมาเปิดประเทศอย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้นปี 2566 การส่งออกไทยไปจีนก็เริ่มหดตัวน้อยลงจากปีก่อน โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 การส่งออกไทยไปจีนหดตัว 3.7% แต่ยังมีโอกาสเปิดกว้างสำหรับสินค้าส่งออกของไทยในหลายชนิด อาทิ สินค้าหมวดอาหารประเภทไก่ กุ้ง ปลาหมึก ผลไม้กระป๋อง เครื่องปรุงรส หมวดของใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ เครื่องสำอาง เครื่องใช้ในการเดินทาง และหมวดเครื่องมือและอุปกรณ์ อาทิ เครื่องเสียง ลำโพง เครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ส่วนกลุ่มสินค้าที่สามารถจะพลิกกลับมาโตได้ เช่น ผลไม้ทั้งทุเรียนและลำใย อาหารทะเลกระป๋อง ขนม เครื่องดื่ม รองเท้า เครื่องนุ่งห่ม กล้องถ่ายรูป เครื่องปรับอากาศ เตาไมโครเวฟ และเครื่องถ่ายเอกสาร


แม้ตลาดจีนยังอ่อนแรง แต่ยังมีความโดดเด่นในหลายมิติ ได้แก่ เศรษฐกิจจีนที่แม้ชะลอแต่ยังโตสูงเมื่อเทียบกับประเทศยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ประชากรของจีนมีจำนวนอยู่ที่ราว 1.4 พันล้านคน มากเป็นอันดับ 2 ของโลก และมีกำลังซื้อสูง ด้วยรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีราว 12,850 ดอลลาร์สหรัฐ สูงที่สุดแห่งหนึ่งในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยการส่งออกของจีนครึ่งแรกปี 2566 หดตัว 2.8% ต่ำกว่าชาติอื่นในภูมิภาค อาทิ ญี่ปุ่นที่หดตัว 6.0% ขณะที่ล่าสุด Economist Intelligence Unit (EIU) หน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจชั้นนำของโลก คาดว่าการส่งออกของจีนทั้งปี 2566 อาจกลับมาขยายตัวได้ที่ 3.0%

“อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ความกังวลอยู่ที่เศรษฐกิจจีนอาจเติบโตต่ำกว่าคาดการณ์และฉุดรั้งเศรษฐกิจไทย โดย IMF คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 5.2% เนื่องจากไทยส่งออกไปจีนในสัดส่วนที่สูงและพึ่งพานักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวไทย โดยในช่วงที่จีนใช้นโยบาย Zero COVID อย่างเข้มงวด การส่งออกของไทยไปจีนติดลบ แต่ในปี 2566 จีนกลับมาเปิดประเทศอย่างเป็นทางการการส่งออกจากไทยไปจีนติดลบ 3.7% ถือว่าไม่มากหากเทียบกับช่วงก่อนหน้า” ดร.รักษ์ กล่าว

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า สินค้าไทยยังเป็นที่ต้องการของตลาดจีนอยู่มาก แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเจาะตลาด เพื่อนำเสนอจุดเด่นของสินค้าและบริการ ซึ่ง EXIM BANK พร้อมทำหน้าที่ “มากกว่าธนาคาร” ด้วยนโยบาย 3 เติมคือ เติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงินทุนให้กับผู้ประกอบการไทย ที่ต้องการเริ่มต้นหรือขยายการส่งออก อาทิ การเติมความรู้ภายใต้โครงการ EXIM SMEs Export Studio เพื่อปั้นแบรนด์ พร้อมปรับปรุงดีไซน์โลโก้และบรรจุภัณฑ์ แต่งตัวให้สินค้าไทยมีความน่าสนใจและแตกต่าง ผู้สนใจสามารถติดต่อเข้าร่วมโครงการได้ฟรี! โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สอบถาม EXIM Contact Center โทร. 0 2619 9999 หรือ Facebook “EXIM Bank of Thailand”


หลังจากที่สินค้ามีความพร้อมที่จะส่งออกแล้ว EXIM BANK ก็จะเติมโอกาส ด้วยการนำผู้ประกอบการไปพบผู้ซื้อ หาตลาดส่งออก ด้วยการทำ Business Matching หรือร่วมกับพันธมิตรที่เป็นทีมไทยแลนด์พาผู้ประกอบการออกไปงานแสดงสินค้าต่าง ๆ และเมื่อขายได้แล้ว หากต้องการเงินทุนทาง EXIM BANK ยินดีสนับสนุน

ดร.รักษ์ กล่าวต่อไปว่า EXIM BANK พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดา ด้วยสินเชื่อบุคคลทำธุรกิจ (EXIM Personal Biz) สินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นผู้ผลิต/ ผู้จำหน่ายสินค้าหรือบริการแก่ผู้ส่งออกหรือเกี่ยวเนื่องกับการส่งออก หรือผู้ส่งออก หรือนำมาซึ่งเงินตราต่างประเทศที่เป็นบุคคลธรรมดา หากเป็นธุรกิจคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social and Governance : ESG) ต้องการ Go Green สามารถใช้สินเชื่อ EXIM Green Start สินเชื่อหมุนเวียน เพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจทุกกลุ่มอุตสาหกรรม สนับสนุนผู้ประกอบการ SML กลุ่มที่ดำเนินธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย

สิ่งที่ผู้ประกอบการไทยต้องให้ความสำคัญคือ การทำความเข้าใจกับพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนรุ่นใหม่ ที่ให้ความสนใจกับเทคโนโลยี ต้องการสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย รวมทั้งใส่ใจสิ่งแวดล้อม เนื่องจากปัญหาสิ่งแวดล้อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชนมากขึ้น 65% ของผู้บริโภคชาวจีนจึงพยายามสร้าง Positive Impact ต่อสิ่งแวดล้อมผ่าน Lifestyle ในชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ข้อมูลจาก PWC’s Global Consumer Insights Survey 2022 ระบุว่า 45% ของผู้บริโภคจีนจะซื้อสินค้าที่ราคาสูงกว่าราคาเฉลี่ย หากสินค้านั้นผลิตจากวัสดุ/ส่วนประกอบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้บริโภคทั่วโลกที่ 31%

นอกจากนี้ เทรนด์การดูแลสุขภาพยังได้รับความนิยมในตลาดจีน โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงที่มีรายได้เพิ่มขึ้นตามบทบาทต่อเศรษฐกิจที่มากขึ้น สินค้าที่มีโอกาสทำตลาดจีน จึงได้แก่ เครื่องสำอาง วิตามิน ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย และสินค้าแฟชั่น ขณะที่ผู้สูงอายุชาวจีนก็เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่สำคัญ โดยในปี 2565 จีนมีผู้สูงวัย (อายุมากกว่า 60 ปี) ราว 280 ล้านคน หรือ 20% ของประชากรทั้งหมด สินค้าที่มีโอกาสทำตลาดจีนจึงได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Smart Wheelchair หุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับใช้ในบ้าน เป็นต้น

ผู้สนใจเติมความรู้ เติมโอกาส เติมเงินทุน เพื่อเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจในโลกการค้ายุคใหม่ไร้พรมแดน สามารถปรึกษาหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน อย่าง EXIM BANK สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ซึ่งมุ่งสู่บทบาท Green Development Bank เพื่อต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์พื้นที่ชายแดน

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะการหยุดยิง แต่ประเมินสถานการณ์ใกล้ชิด พร้อมเผยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำแต่ละประเทศจะประสานพื้นที่ นำอาเซียนลงติดตามเป็นระยะ ชี้การพูดคุยระดับ RBC เริ่มปลายเดือนนี้ เผยหากเหตุการณ์ประทุอีก เรียกประชุม GBC สมัยวิสามัญได้ทันที พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาที่ผ่านมาตรวจพบว่า ฝ่ายกัมพูชา ตรึงกำลังทหารบริเวณชายแดนพื้นที่สำคัญ พร้อมมีการเคลื่อนไหวด้านยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะในบางพื้นที่ ซึ่งฝ่ายไทยจะต้องมีการตรวจตราและติดตามอย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากนั้นยังมีการตรวจพบการบินของอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ในบางพื้นที่เช่นเดียวกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายยั่วยุในบางจุด ทางทหารไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มการตรวจตราตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง โฆษก ศบ.ทก. ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ หรือ GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ว่า ได้มีการลงนามข้อตกลง 13 ข้อ โดยเป็นข้อตกลงที่สำคัญและเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะรายละเอียดข้อที่ 1 ทั้งสองฝ่ายเห็นพร้อมที่จะหยุดยิง […]

เด้งนายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เซ่นจับผับ

ก.มหาดไทย 8 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผยผลปฏิบัติการ “ZERO DRUG” เด้ง นายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เซ่นจับผับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปฏิบัติการ “ZERO DRUG” 8เดือน 8ลุย ที่นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าตรวจค้นผับย่านรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พบนักท่องเที่ยวอายุต่ำกว่า 20 ปี และตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง 179 คนว่า จะมีการเด้ง 5เสือ สภ. ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ส่วนรายละเอียดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะแถลงอีกครั้ง โดยตามระเบียบของตำรวจถ้ามีการจับกุม ในพื้นที่5 เสือสถานีตำรวจ จะต้องรับผิดชอบ จะมีการย้ายมาประจำที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ขณะที่ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นการแจ้งข่าวจากฝ่ายปกครองหรือไม่ หากไม่มีการแจ้ง กระบวนการของปกครองก็จะต้องมีการย้ายเช่นกัน เมื่อถามว่าปฏิบัติการเมื่อคืนนี้เป็นกำลังร่วมระหว่างฝ่ายปกครอง กับตำรวจหรือเฉพาะฝ่ายปกครอง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่แน่ใจ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถ้าเป็นกองกำลังร่วม ที่ผ่านมาตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตำรวจจะไม่ถูกเด้ง นายภูมิธรรมกล่าวว่า คงจะเอาผิดคนที่เกี่ยวข้อง ก็คงมีการจัดการตามระเบียบ […]

“บิ๊กเล็ก” ชี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว เรื่องกับระเบิด จะคุยจนกว่ายอมรับ

ทำเนียบ 8 ส.ค.-“บิ๊กเล็ก” มอบความสำเร็จให้ทีมเจรจา GBC พร้อมขอบคุณประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาที่อดทน ให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงอนุญาตประชาชนกลับบ้าน ชี้กัมพูชาเมินข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันกำลังตนเอง ย้ำจะนำไปคุยใน GBC และจนกว่าจะยอมรับ จ่อตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัวดูข้อกฎหมายรอบด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งอาเซียนได้ปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน โดยไม่เข้ามาแทรกแซง ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ ขณะที่ในการพูดคุยมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทย ที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด ส่วนการจะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พลเอกณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม […]

ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา ปะทะ “พลโทหญิงมาลี” มั่นใจสวยกว่าการันตีตำแหน่งนางสาวไทย เจ้าตัวลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์ พร้อมยืนยันเคียงข้างประชาชน ให้ข้อเท็จจริง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาคนใหม่ คือ นางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี เพื่อทำหน้าที่ปะทะกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอย่างน้อยสิ่งที่เราได้เปรียบ ที่ตนเองมั่นใจ คือ ความสวย ที่สวยกว่าแน่นอน เพราะโฆษก ศบ.ทก.เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ซึ่งการทำงานของนางสาวปนัดดา เนื่องจากมีงานมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ให้นางสาวปนัดดาช่วยตอบโต้ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งตนเองและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลในการแถลงข่าว ด้าน นางสาวปนัดดา ระบุว่า ที่ตกลงมาทำหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาในครั้งนี้ เป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสา จึงอยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน ที่สามารถคุยกับสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงฝ่ายทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง และบอกกับต่างชาติว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยของเราบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทหารได้มีการประชุมกัน […]