งาน ASEAN Sustainable Energy Week และ Electric Vehicle Asia 2023

กรุงเทพฯ 30 ส.ค. – กระทรวงพลังงานร่วมกับสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าและอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เชื่อมไทยสู่เวทีระดับภูมิภาค พร้อมรับมือวิกฤตโลกร้อนด้วยการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาดในงาน ASEAN Sustainable Energy Week และ Electric Vehicle Asia 2023                                                                                                            


นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานเปิดงาน ASEAN Sustainable Energy Week (ASEW) และ Electric Vehicle Asia (EVA) 2023 ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่  33 งานดังกล่าวจัดโดยอินฟอร์มามาร์เก็ตส์ เป็นมหกรรมเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านพลังงานทดแทน สิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ครบครันที่สุดของภูมิภาค

ทั้งนี้กระทรวงพลังงาน สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย และภาคีเครือข่ายภาครัฐ-เอกชน พร้อมรับมือวิกฤตโลกร้อนด้วยการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาด เดินหน้าเปิดงาน ASEAN Sustainable Energy Week (ASEW) และ Electric Vehicle Asia (EVA) 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่  33 งานมหกรรมเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านพลังงานทดแทน สิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ครบครันที่สุดของภูมิภาค


สำหรับปัญหาเรื่อง การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่มีผลต่อทุกภูมิภาคในโลกส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตทุกระบบนิเวศในวงกว้าง ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้มีการประกาศว่าโลกของเราก้าวข้ามจากยุค”ภาวะโลกร้อน” ไปสู่ “ภาวะโลกเดือด” และที่สำคัญมีการคาดการณ์ว่าหากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส จะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นวันนี้ทุกภาคส่วนต้องเตรียมพร้อมรับมือและทำงานร่วมกันเพื่อเร่งแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเร็ววัน ประเทศไทยวางเป้าหมายเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ จากความสำคัญดังกล่าวผนวกกับการขานรับนโยบายพลังงานสะอาดของไทย อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในฐานะผู้นำธุรกิจด้านการจัดงานแสดงสินค้า และกิจกรรมทางธุรกิจระดับภูมิภาค สานต่อความร่วมมือกระทรวงพลังงาน สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยและเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมทั้งจากไทยและต่างประเทศ ร่วมกันเปิดงาน ASEAN Sustainable Energy Week (ASEW) และ ELECTRIC VEHICLE ASIA (EVA) 2023 เพื่อเชื่อมต่อโอกาส สร้างองค์ความรู้และขยายกรอบการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนขานรับนโยบายสำคัญขับเคลื่อนไทยเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาดสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคพลังงานได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน ดังนั้น ประเทศไทยจึงมีความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่เชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปีค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 โดยกระทรวงพลังงานได้เดินหน้าเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการลดการปล่อยคาร์บอนจากภาคพลังงานเพื่อให้สอดคล้องกับแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan: NEP) ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและพลังงานที่ยั่งยืน อาทิ การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดสำหรับการผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าใหม่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ภายในปี ค.ศ. 2040 รวมทั้งส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้มีสัดส่วนร้อยละ 30 ภายในปี ค.ศ.2030 โดยวางเป้าหมายที่สำคัญให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุคสังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต ซึ่งกระทรวงพลังงานเชื่อมั่นว่าเวทีนี้จะเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมให้กับทุกภาคส่วนเพื่อขานรับกับเป้าหมายของประเทศที่กำหนดไว้ต่อไป

นายกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า วันนี้ตามท้องถนนเราเห็นยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งสถานีชาร์จที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศกว่า  4,600 แห่ง โดยอุปสงค์ดังกล่าวได้รับการสนับสนุนที่ดีจากภาครัฐ อาทิ นโยบายลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนการให้เงินอุดหนุน 18,000 บาทต่อคันสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐโดยทางสมาคมฯ เราถือเป็นอีกภาคส่วนที่เข้ามาเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าให้กับผู้ใช้งาน  ผู้ประกอบการ ตลอดจนผู้ผลิต ผ่านเวทีการจัดงานสำคัญระดับภูมิภาคอย่าง EVA 2023 โดยปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 8 ภายในงานมีการจัดสัมมนาวิชาการ iEVTech 2023 ในหัวข้อ Shaping the Future of Electric Vehicle Ecosystem เพื่อร่วมกันอัปเดตเทรนด์และทิศทาง รวมถึงโอกาสและความได้เปรียบของไทยเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะสร้างประโยชน์ในวงกว้างให้กับผู้เข้าร่วมงาน ตลอดจนสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆเกี่ยวกับยานยนต์พลังงานสะอาดให้กับสังคมไทยมากขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายในอนาคตร่วมกันสู่การเป็นศูนย์กลางด้านยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค


นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธาน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศผ่านการจัดงาน ASEAN SUSTAINABLE ENERGY WEEK ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกภาคส่วนนำโดยกระทรวงพลังงาน สมาคมสถาบันการศึกษา ภาคเอกชน และเครือข่ายของพันธมิตรด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมชั้นนำจากทั่วโลก โดยการจัดงานในปีนี้ชูแนวคิด “Powering the Clean Energy Transition Toward Carbon Neutrality Goal” หรือ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งเวทีนี้ที่จัดต่อเนื่องมากว่า 3 ทศวรรษ เราเชื่อมั่นว่า งานนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการนำพาประเทศไทยเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดสู่สังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต สอดรับกับเป้าหมายของโลก

สำหรับการจัดงานในปีนี้ ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อมมาจัดแสดงครบวงจร บนพื้นที่กว่า 20,000 ตร.ม.โดยได้รวบรวมแบรนด์ชั้นนำระดับโลกกว่า 1,500 แบรนด์ อาทิ ABB, Delta, Oriental Copper, Anest Iwata และ Siemens เป็นต้น พร้อมพาวิเลียนนานาชาติกว่า 8 ประเทศ ทั้ง เยอรมนี ญี่ปุ่น เกาหลี จีน สิงคโปร์สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และไต้หวัน เพื่อเชื่อมโอกาสและสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายทางธุรกิจจากทั่วโลกและไฮไลต์ที่สำคัญคือ การประชุมและสัมมนาระดับนานาชาติกว่า 200 หัวข้อ โดยครอบคลุมในด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ได้จัดร่วมกับงาน Electric Vehicle Asia (EVA) 2023 อีกเวทีสำคัญของวงการยานยนต์ไฟฟ้าที่รวบรวมผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้องใน EV Eco System และ Value Chain ทั้งหมด ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำไว้ในงานเดียว โดยเฉพาะการประชุมนานาชาติด้านยานยนต์ไฟฟ้า iEVTech 2023 ที่ในปีนี้ได้ขนทัพกูรูชื่อดังในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า มาอัปเดตเทรนด์สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างพื้นฐาน แบตเตอรี่ และยานยนต์ไร้คนขับ  ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 25,000 คน จากทั่วภูมิภาค โดยทุกภาคส่วนเชื่อมั่นว่า “เวทีนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของภูมิภาคในอนาคต”

ขอเชิญทุกคนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งสู่การขานรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาดครั้งสำคัญในงาน ASEAN Sustainable Energy Week (ASEW) และ Electric Vehicle Asia (EVA) 2023 ปีนี้จัดควบคู่กับงาน Pumps & Valves Asia (PVA) 2023 งานแสดงเทคโนโลยีเฉพาะทางที่รวมเทคโนโลยีด้านปั๊ม วาล์ว ท่อ ข้อต่อ และอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ระดับภูมิภาค โดยการจัดงานทั้งหมดนี้ถือเป็นเวทีระดับภูมิภาคหนึ่งเดียวของไทยที่รวบรวมนวัตกรรม และเทคโนโลยีสีเขียว ที่ครบครัน และใหญ่ที่สุดแห่งปีไว้ในงานเดียว จัดระหว่างวันที่ 30 ส.ค.-1 ก.ย.66 ที่ ฮอลล์ 1-4 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.asew-expo.com และ www.evasia-expo.com หรือโทร  02-0360500.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” ถกต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์ ดัน 5 ยุทธศาสตร์

บ้านพิษณุโลก 14 ก.ค.- “แพทองธาร” เข้าบ้านพิษณุโลก หารือบีโอไอ – ทีมซอฟต์พาวเวอร์ไทย หนุนลงทุน พร้อมต่อยอด ดัน 5 ยุทธศาสตร์ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางเข้าบ้านพิษณุโลก ในเวลา 09.50 น. เพื่อประชุมกับทีมที่ปรึกษาและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI รวมถึงหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับและขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ไทยแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะเป็นการหารือต่อยอดจากที่นางสาวแพทองธาร ได้ประกาศเดินหน้ายุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ไทย 5 ด้าน ทั้ง อาหารไทย มวยไทย ไทยเวลเน็ต ภาพยนต์ไทย และอัญมนี บนเวที Splash Softpower Forum 2025 ที่จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เมื่อวันที่ 8-11 ก.ค. ที่ผ่านมา .-316 -สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 14 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร […]

พระปรางค์วัดอรุณ

ข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.- “แพทองธาร” เผยข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลกของยูเนสโกแล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ข่าวดีของคนไทย “พระปรางค์วัดอรุณ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร” ได้รับการบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก (Tentative List) ของยูเนสโกแล้วค่ะ ดิฉันได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงปารีส แจ้งว่า ที่ประชุมได้รับทราบว่าพระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ในอนาคต กระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดทำเอกสารเสนอชื่อ (Nomination Dossier) ควบคู่กับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการพื้นที่ตามหลักสากล เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ขั้นตอนต่อไป ความคืบหน้านี้เป็นมากกว่าการอนุรักษ์สถานที่ แต่คือการยืนยันอัตลักษณ์ไทยที่งดงามและทรงคุณค่าในสายตาชาวโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่นี้” .-316 สำนักข่าวไทย

ตรวจสอบรายรับรายจ่ายวัดใหญ่จอมปราสาท

สมุทรสาคร 13 ก.ค. – เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรายรับรายจ่ายของวัดใหญ่จอมปราสาท นำมาเทียบกับเส้นเงินของของเจ้าอาวาสที่หนีไป หลังตรวจพบโอนเงินให้สีกา ก. กว่า 1 ล้านบาท ที่วัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำคณะเข้าพบ พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์ คณะพระสงฆ์ (พระลูกวัด) วัดใหญ่จอมปราสาท ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการวัด เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ระบบการเงินในวัดใหญ่จอมปราสาท เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ตรวจพบว่าได้โอนเงินกว่า 1 ล้านบาทไปให้สีกา ก. แต่ยังไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเด็นที่ต้องการทราบเพิ่มเติมคือ เงินที่โอนให้สีกาเป็นเงินส่วนไหน แล้วเงินวัดมีรายรับจากที่ใดบ้าง มีรายจ่ายอย่างไร รวมถึง เงินวัดนั้นเข้าบัญชีใคร มีไวยาวัจกรณ์เบิกจ่ายหรือไม่ หรือใครเป็นผู้ทำหน้าที่รับและเบิกจ่ายเงินทั้งหมด ผู้ใหญ่บ้านชี้แจงว่า ทางวัดยังไม่มีไวยาวัจกรวัดคนใหม่ หลังจากคนเก่าลาออกไปเล่นการเมืองท้องถิ่น ส่วนเงินวัดนั้นเจ้าอาวาสเป็นผู้บริหารแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเงินวัดก็จะมีรายรับมาจากให้ที่จอดเรือบริเวณหน้าวัด ประมาณเดือนละ […]