ทำเนียบฯ 29 ส.ค.- ครม. รับทราบ ร่างปฏิญญาผู้นําอาเซียน ร่วมพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาค เสริมเป้าหมายไทยผลิตรถยนต์ไฟฟ้าร้อยละ 30 ในปี ค.ศ. 2030 จีดีพีปี 67 ขยายตัวร้อยละ 5
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ครม. รับทราบ ร่างปฏิญญาผู้นําอาเซียน ระหว่างการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEANEconomicCommunity Council: AEC Council) ครั้งที่ 22 สรุป คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียน ( 2565-2567) ขยายตัวในระดับปานกลาง ที่ร้อยละ 5.6 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 4.7 ในปี 2566 และคาดว่าจะขยายตัวเป็นร้อยละ 5.0 ในปี 2567 ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อลดลงจากร้อยละ 5.0 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 4.4 ในปี 2566 และคาดว่าจะลดลงเหลือร้อยละ 3.3 ในปี 2567
การเห็นชอบร่างปฏิญญาผู้นําอาเซียนว่าด้วยการพัฒนา ระบบนิเวศสําหรับยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาค ซึ่งเสนอให้ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 42 ให้การรับรองระหว่างวันที่ 10-11 พ.ค. 2566 เพื่อร่วมพัฒนาระบบนิเวศสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน หลายประเทศสมาชิก เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม ต่างมีนโยบายสนับสนุนการใช้งานและการผลิตอย่างจริงจัง รวมทั้ง ไทยที่ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าร้อยละ 30 ของปริมาณการผลิตภายใน ค.ศ. 2030 และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสําคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ส่งเสริมนโยบายที่ช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ยกระดับองค์ความรู้ด้านยานยนต์ไฟฟ้าของผู้ผลิตและแรงงานไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย เพื่อให้สามารถเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่การผลิตในภูมิภาคอาเซียนด้วย
ประธานอาเซียนผลักดัน ให้บรรลุผลสําเร็จในปี 2566 เช่น การลงนามพิธีสาร ฉบับที่ 2 เพื่อปรับปรุงความตกลงการค้าเสรี อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ และการจัดทําแถลงการณ์ผู้นําอาเซียน ว่าด้วยการจัดทํากรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล เน้นย้ำความสําคัญของวาระเศรษฐกิจดิจิทัล โดยขอให้เร่งศึกษาประโยชน์และผลกระทบของการจัดทํากรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียนให้เสร็จภายในปีนี้ โดยตั้งเป้า การประกาศเริ่มเจรจาความตกลงดังกล่าวภายในการประชุม AEC Council ครั้งที่ 23 ในเดือน กันยายน 2566
การมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนของอาเซียน ทั้ง ภาคเกษตร พลังงาน และขนส่ง การผลักดันให้อาเซียนเป็นประชาคมดิจิทัลชั้นนํา การมีบทบาทเชิงรุกในประชาคมโลกโดยมีอาเซียนเป็นแกนกลาง.-สำนักข่าวไทย