กรุงเทพฯ23 ส.ค.-เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ ที่ 34.88 และปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.90-34.92 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.55 น.) เงินบาทพลิกแข็งค่าขึ้น หลังจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ 35.02 บาทต่อดอลลาร์ฯ
นส. กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่าการแข็งค่าของเงินบาทสอดคล้องกับสัญญาณฟันด์โฟลว์ที่สะท้อนว่านักลงทุนต่างชาติอาจมีสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยต่อเนื่องจากวานนี้ นอกจากนี้สัญญาณดูแลการเคลื่อนไหวของเงินหยวนของทางการจีน ก็ช่วยประคอง Sentiment ของเอเชียในภาพรวม อย่างไรก็ดี คงต้องระวังความผันผวนในระหว่างวัน เพราะเงินดอลลาร์ฯ ก็ยังคงมีแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะคุมเข้มนโยบายการเงินและยืนอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงนานเพื่อสกัดเงินเฟ้อของสหรัฐฯ
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.85-35.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ส่วนปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ปัจจัยทางการเมืองของไทย สัญญาณฟันด์โฟลว์ ทิศทางค่าเงินหยวน ข้อมูลยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค. ของสหรัฐฯ และตัวเลข PMI (เบื้องต้น) เดือนส.ค.ของอังกฤษ ยูโรโซนและสหรัฐฯ
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทผันผวนในกรอบ Sideway (แกว่งตัวในช่วง 34.93-35.12 บาทต่อดอลลาร์) หลังจากแข็ง
ค่าขึ้นต่อเนื่อง ช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการโหวตเลือกนายกฯ โดยเงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าลง ในช่วงที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตามการปรับตัว ขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และการย่อตัวลงของราคาทองคำ ก่อนที่เงินบาทจะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง หลังเงินดอลลาร์ย่อตัวลง และราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้นได้บ้าง มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.85-35.15 บาท/ดอลลาร์
“แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทเริ่มกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะหลังการโหวตเลือกนายกฯ เสร็จสิ้นลง ซึ่งต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติจะเริ่มกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์ไทยได้มากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของเงินบาท อาจถูกชะลอด้วยโฟลว์ซื้อเงินดอลลาร์ และสกุลเงินต่างประเทศของผู้เล่นบางส่วน อาทิฝั่งผู้นำเข้า โดยเฉพาะในจังหวะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นพอสมควรเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นเช่น ค่าเงินเยนญี่ปุ่น นอกจากนี้ ทิศทางเงิน ดอลลาร์ ยังมีโอกาสแข็งค่าต่อหรือทรงตัว sideway ได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดูดี และบรรดาเจ้าหน้าที่ต่างก็ ส่งสัญญาณสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งต้องรอติดตาม ถ้อยแถลงของประธานเฟด ในงานสัมมนวิชาการ Jackson Hole วันศุกร์นี้ อย่างใกล้ชิด” นายพูน กล่าว
นายชาตรี โรจนอาภา รองกรรมการ ผจก.ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บล.ดาโอ(ประเทศไทย) ระบุว่า หลังจากรอคอยมานานก็ได้ผู้ที่มาเป็นนายกฯเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย แต่สิ่งที่ต้องจับตาต่อไปคือนโยบายเศรษฐกิจที่จะมาขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งนักลงทุนต่างชาติเองก็ให้ความสนใจใจ โดยช่วงที่ผ่านมาต่างชาติได้ทยอยกลับเข้ามาซื้อหุ้นกลับบ้างแล้ว แนวต้านสำคัญคือ 1570 จุด หากทะลุผ่านไปได้หุ้นไทยจะไปถึง 1600 จุด หุ้นโดดเด่นรับรัฐบาลใหม่ได้แก่ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว การบริโภค.-สำนักข่าวไทย