กรุงเทพฯ 21 ส.ค.- ปตท.สผ. คาดหวังรัฐบาลใหม่ผลักดันการเร่งออกประกาศยื่นสิทธิสำรวจฯปิโตรเลียมภาคอีสานมั่นใจเดือน เม.ย.67 แหล่งเอราวัณ ผลิตก๊าซฯได้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเดินหน้าสร้างธุรกิจใหม่ สร้างรายได้อนาคต 20-30% ของพอร์ตธุรกิจ

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือPTTEP กล่าวว่าเมื่อรัฐบาลใหม่จัดตั้งเรียบร้อยแล้วด้านปิโตรเลียมนั้นคาเหวังว่ารัฐบาลจะผลักดันการเร่งออกประกาศยื่นสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมบนบกในพื้นที่ภาคอีสานเพราะมีศักยภาพที่จะผลิตก๊าซฯได้ และตามปัจจุบัน กรมเชื้อเพลิงฯ ได้กำหนดเขตพื้นที่แปลงสัมปทานในภาคอีสานไว้แล้ว 8 แปลง ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่าแปลงข้างเคียง แหล่งสินภูฮ่อม จะมีศักยภาพที่จะทำให้สามารถดำเนินการผลิตก๊าซฯป้อนโรงไฟฟ้าน้ำพองต่อจ.ขอนแก่นเดินหน้าผลิตไฟฟ้าต่อได้ โดยการลงทุนสำรวจและผลิตก๊าซฯจะต้องใช้เวลาประมาณ 5 ปี
ปัจจุบัน ปตท.สผ.มีการลงทุนในแหล่งสินภูฮ่อม เพื่อผลิตก๊าซฯ ปริมาณ 90 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ป้อนเข้าสู่โรงไฟฟ้าน้ำพองของ กฟผ.ผลิตไฟฟ้าราว 600 เมกะวัตต์ โดยแหล่งสินภูฮ่อม จะสิ้นสุดสัมปทานในปี 2575
“ภาคอีสานยังมีศักยภาพผลิตก๊าซฯ แม้ว่าจะมีการลงทุนพลังงานทดแทนในพื้นที่ แต่การผลิตก๊าซฯได้เองในประเทศจะทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ รัฐได้ภาษีและค่าภาคหลวง สร้างความมั่นคง ต้นทุนไม่สูงมากดังนั้น การลงทุนผลิตก๊าซฯ กับการส่งเสริมพลังงานทดแทนก็ควรไปด้วยกันเพื่อสร้างสมดุลพลังงาน” นายมนตรีกล่าว
นายมนตรีกล่าวอย่างมั่นใจว่า ในเดือน เม.ย.2567 ปตท.สผ.จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซฯจากแหล่ง G1/61หรือเอราวัณ ที่ระดับ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันได้อย่างแน่นอน และจะผลิตต่อเนื่องในระดับนี้ไปตลอด 10 ปี ตามเงื่อนไขสัญญาระบบแบ่งปันผลผลิต( PSC)จากปัจจุบัน มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
ขณะเดียวกัน ปตท.สผ.ได้เพิ่มกำลังการผลิตก๊าซฯจากแหล่งอื่นชดเชยกำลังการผลิตก๊าซฯจากแหล่ง G1/61 ได้แก่แหล่งอาทิตย์ จากเดิมมีสัญญาซื้อขายก๊าซฯ อยู่ที่ 280 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แต่ปัจจุบัน ผลิตอยู่ที่ 340 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ส่วนแหล่ง G2/61(บงกช) มีสัญญาซื้อขายก๊าซฯปีนี้อยู่ที่ 825 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งนับเป็นการผลิตที่สูงกว่าเงื่อนไขสัญญาPSC กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และปัจจุบันผลิตได้สูงถึง860 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
นอกจากนี้ ปตท.สผ.ยังคงเป้าปริมาณการขายปิโตรเลียมทั้งปีนี้ อยู่ที่ 470,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งก็ท้าทาย แต่โดยธรรมชาติไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่ผลิตสูงอยู่แล้ว โดยแหล่งอื่นๆในอ่าวไทยก็เร่งเต็มที่แล้ว ที่เหลือก็ต้องไปเร่งจากโครงการต่างประเทศแทน เช่น โครงการ Oman Block 61 และโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคชที่มีอัตราผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ย 13,000 บาร์เรลต่อวัน และอยู่ระหว่างการดำเนินการเพิ่ม กำลังการผลิตไปที่อัตราเฉลี่ย17,000 บาร์เรลต่อวันในช่วงไตรมาส 4ปีนี้
ส่วนความคืบหน้าโครงการลงทุนอื่นๆนั้น ในส่วนของพื้นที่ตะวันออกกลาง เช่น Oman Block 61 มีโอกาสขยายการผลิตเพิ่ม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับภาครัฐ เพื่อขอเพิ่มกำลังการผลิตจาก ระดับ 1,500 ล้านลูกบาศก์ ฟุต ไปสู่ระดับ 1,800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โครงการพีดีโอ (บล็อค 6) ที่ ปตท.สผ.เข้าไปซื้อหุ้นทั้งหมดในพาร์เท็กซ์ สัดส่วน2% นั้น ซึ่งเป็นแปลงสัมปทานบนบกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีศักยภาพปิโตรเลียมสูงสุดในประเทศโอมาน มีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ยประมาณ 660,000 บาร์เรลต่อวัน ก็มีเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 800,000 บาร์เรลต่อวันในอนาคต
ส่วนโครงการโมซัมบิก แอเรีย วัน ประเทศโมซัมบิก ประเมินว่าจะสามารถกลับเข้าไปดำเนินงานในพื้นที่ได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือ ต้นปีหน้า และยังคงเป้าหมายจะส่งมอบ LNG ลำแรกภายในปี 2570 ซึ่งปัจจุบันยังมีสัญญาซื้อขายLNG อยู่ที่ 13 ล้านตัน
ด้านโครงการในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ในส่วนของโครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2 ทางพันธมิตรคือ Eni ได้จัดเตรียมแผนเพื่อพัฒนาพื้นที่ที่มีการค้นพบปิโตรเลียมทั้งก๊าซฯและน้ำมัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานรัฐ หากได้รับการอนุมัติก็จะเร่งพัฒนาก๊าซฯขึ้นมาก่อน
สำหรับการเติบโตในธุรกิจใหม่เป็นไปตามแผนงาน ตั้งเป้าหมายจะมีรายได้จากธุรกิจใหม่และธุรกิจ Beyond E&P สัดส่วน 20-30% ของพอร์ตธุรกิจ โดยธุรกิจเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ ภายใต้การลงทุนของบริษัทลูกคือ บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส (ARV) ซึ่งกำลังจะมีอายุครบ 5 ปีนั้น ได้ใช้เงินลงทุนเข้าขยายธุรกิจแล้วรวมประมาณ 250 ล้านบาท ปัจจุบันเริ่มมีรายได้เข้ามาบ้างแล้ว แต่ผลประกอบการยังติดลบอยู่ โดยอนาคตมีแผนที่จะSpin-Off เพื่อผลักดันให้ ARV ระดมทุนผ่านตลาดหุ้นในระดับสากล เช่น สิงคโปร์ เป็นต้น
ส่วนความคืบหน้าในธุรกิจ Beyond E&P ปตท.สผ.ดำเนินการภายใต้ บริษัท ฟิวเจอร์เทค เอนเนอร์ยี่ เวนเจอร์ส จำกัดปัจจุบันมีการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร โดยมีพื้นที่ประมาณ 110 ไร่ และมีกำลังการผลิตประมาณ 9.98 เมกะวัตต์ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสำหรับใช้ในโครงการเอส 1 ขณะนี้โครงการได้เริ่มจ่ายไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2566
ล่าสุด ปตท.สผ. และ 5 บริษัทพันธมิตรชั้นนำระดับโลกได้ชนะการประมูลสัมปทานการพัฒนาโครงการผลิตกรีนไฮโดรเจนขนาดใหญ่ ในแปลงสัมปทาน Z1-02 รัฐสุลต่านโอมาน อายุสัมปทาน 47 ปี ครอบคลุมกระบวนการผลิตไฮโดรเจนแบบครบวงจร ตั้งแต่พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม กำลังการผลิตอยู่ที่ 5 กิกกะวัตต์ตั้งเป้าผลิตกรีนไฮโดรเจนในปี 2573 ที่ 2.2 แสนตันต่อปี และผลิตแอมโมเนีย เพื่อส่งออก คาดว่าจะมีกำลังการผลิต1.2 ล้านตันต่อปี .-สำนักข่าวไทย