ผู้ว่าฯ ธปท.คาดจีดีพีปีนี้อาจต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 3.6%

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ผู้ว่าฯ ธปท. ย้ำเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่จีดีพีอาจต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 3.6% เปลี่ยนโจทย์ดำเนินนโยบายการเงินจาก ‘Smooth take off’ มาเป็น ‘Landing’ เตือนนโยบายรัฐบาลใหม่ต้องไม่กระทบเสถียรภาพ


ในงานสัมมนาวิชาการธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ “ยกระดับเศรษฐกิจเหนือ คว้าโอกาสบนโลกแห่งความท้าทาย” ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในช่วงสนทนากับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในหัวข้อ ‘ก้าวต่อไปของเศรษฐกิจการเงินไทย’ โดยระบุว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบางช่วงจะเห็นตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้บ้างประเมินตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะอยู่ที่ 3 กลางๆ ทั้งปีนี้และปีหน้า ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.6% ขณะที่ประเมินว่าตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 2/2566 ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะประกาศในเดือน ส.ค.นี้ แนวโน้มจะต่ำกว่าคาดการณ์ ส่วนหนึ่งเพราะเศรษฐกิจไทยถูกขับเคลื่อนจากการบริโภคเอกชน รวมไปถึงการท่องเที่ยว ซึ่งยังไม่เห็นภาพการเปลี่ยนแผลงอย่างมีนัยยะ สำหรับการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าเติบโตเกิน 4% ซึ่งถือเป็นระดับค่อนข้างสูง ส่วนการท่องเที่ยว ถึงแม้จีนอาจจะไม่มาเร็วอย่างที่เราคิด แต่ยังเชื่อว่าจะเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยว 29 ล้านคน ซึ่งจะช่วยพยุงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนการส่งออกไม่ค่อยดีนักจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจจีน แต่เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้น

นายเศรษฐพุฒิ ยังกล่าวถึงทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของ ธปท.ในระยะต่อไปว่าบริบท เศรษฐกิจปีนี้ แตกต่างจากปี พ.ศ. 2565 ที่เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสูงและเร็ว จนทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เริ่มขึ้นดอกเบี้ย เพื่อดูแลเงินเฟ้อ ขณะที่ปีนี้เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนโควิด คาดว่าและอัตราเงินเฟ้อระยะยาวจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย 1-3% ดังนั้น โจทย์การดำเนินนโยบายการเงินจึงต้องเปลี่ยนไปเช่นกัน โดยตอนนี้เราจะเน้นเรื่อง Landing คือ ทำอย่างไรให้การ Landing ลงให้ได้อย่างดี จากก่อนหน้านี้ที่เน้น Smooth take off นอกจากดูปัจจัยระยะสั้น เช่น เงินเฟ้อ เศรษฐกิจเติบโตเป็นอย่างไรแล้ว ต้องดูเศรษฐกิจระยะยาวด้วย โดยมี 3 เรื่องที่ต้องพิจารณา คือ 1.การเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในศักยภาพระยะยาวหรือไม่ คือ 3-4% ถ้าโตเร็วกว่านั้น จะเกิดปัญหาความร้อนแรง เพราะเศรษฐกิจเราเป็นสังคมผู้สูงวัย ไม่ได้โตเร็วเหมือนสมัยก่อน 2.เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมาย 1-3% ซึ่งเป็นระดับยั่งยืน และ 3.อัตราดอกเบี้ยต้องไม่ไปสร้างปัญหาเชิงโครงสร้างหรือความสมดุลต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90% ของจีดีพี ส่วนหนึ่งมาจากการที่เรามีดอกเบี้ยต่ำมากและนานเกินไป จึงต้องปรับดอกเบี้ยและดอกเบี้ยที่แท้จริงกลับมาสอดคล้องกับความสมดุลในระยะยาวมากขึ้น


เมื่อโจทย์การดำเนินนโยบายการเงินเปลี่ยนจาก Smooth take off มาเป็น landing แล้ว เราจึงถอด ‘ขึ้นอัตรดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นไป’ และเพิ่มคำว่า ‘optionality’ คือ จะทำอย่างนี้หรืออย่างนั้นก็ได้ ดังนั้นการประชุม กนง.คราวหน้ามีโอกาสที่จะคงหรือขึนดอกเบี้ย แต่ไม่ปรับลงแน่นอน พร้อมระบุว่า ธปท. เข้าใจว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะมีผลข้างเคียง และสร้างภาระ แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะมีผลในภาพรวม ทำให้ที่ผ่านมาจึงมีการออกมาตรการมาช่วยดูแลกลุ่มเปราะบาง ที่อาจได้รับผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นพิเศษ เช่น มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว และมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน ส่วนการส่งผ่านของธนาคารพาณิชย์ หลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ธปท. ไม่อยากให้กระทบลูกค้าของธนาคารพาณิชย์มากเกินไป เช่น รอบล่าสุดที่ขึ้น 0.25% นั้น การส่งผ่านไปสู่อัตราดอกเบี้ย MRR อยู่ที่ประมาณ 50% เท่านั้น

สำหรับสถานการณืทางการเมืองไม่แน่นอนทางการเมือง ผู้ว่าฯ ธปท. มองว่าผลกระทบไม่ค่อยมาก ซึ่งการที่ ธปท.คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตที่ระดับ 3% กว่าๆ นั้น ได้รวมเอาปัจจัยความล่าช้าของงบประมาณเข้าไปในระดับหนึ่งแล้ว โดยคาดว่างบประมาณจะล่าช้าไป 2 ไตรมาส งบรายจ่ายประจำยังสามารถดำเนินการได้ปกติ เพียงแต่งบลงทุน อาจกระทบบ้าง แต่ไม่ได้มากจนทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม จุดเสี่ยงจริง ๆ นอกเหนือจากหน้าตารัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไรแล้ว ยังมีเรื่องนโยบายที่ต้องดูว่ารัฐบาลใหม่ จะมีนโยบายอะไรออกมา

“สิ่งที่กังวลในเรื่องความเสี่ยง คือ ไม่รู้ใครจะมา รัฐบาลเป็นอย่างไร ถ้ามาแล้ว ก็ไม่อยากเห็นนโยบายรัฐบาลใหม่ที่ไปบั่นทอนเรื่องเสถียรภาพ ผมเข้าใจ รัฐบาล เรื่องการเมือง ต้องมีสไตล์รายจ่ายประชานิยม แต่ถ้าอยู่ในกรอบ ไม่มากเกินไป มีแหล่งเงินที่ชัดเจน ก็โอเค แต่ถ้ามากเกินไปจนกระทบเสถียรภาพ อันนี้น่าเป็นห่วง” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เกาะติดปฏิบัติการ EOD ทำลายวัตถุต้องสงสัย หาดป่าตอง

ภูเก็ต 26 มิ.ย. – ภูเก็ตป่วนอีก! พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด ที่หาดป่าตอง ตำรวจชุด EOD ยิงทำลายสำเร็จ หลังเมื่อวานทำลาย จยย. ซุกวัตถุระเบิด จอดทิ้งหน้าสนามบิน ตำรวจชุด EOD ได้ยิงทำลายวัตถุต้องสงสัยที่ผู้ไม่หวังดีนำมาซุกซ่อนเอาไว้บริเวณหาดป่าตอง เรียบร้อยแล้ว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยตำรวจได้กันพื้นที่ในจุดที่พบวัตถุต้องสงสัย ไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปในบริเวณดังกล่าว ทำให้พื้นที่รอบนอกรัศมีออกมา 300-400 เมตร นักท่องเที่ยวยังคงใช้ชีวิตปกติ และไม่ได้ตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด วัตถุต้องสงสัยดังกล่าว มีลักษณะเป็นการตั้งตัวหน่วงเวลาแต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นระเบิดชนิดใด ต้องรอตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บวัตถุพยานต่างๆ เพิ่มเติม โดยก่อนจะยิงทำลาย เจ้าหน้าที่ได้ยิงสกัดสัญญาณก่อน 2 ครั้ง และขณะยิงทำลาย ผู้สื่อข่าวซึ่งอยู่ห่างออกมา 200 เมตร ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น โดยช่วงเย็นวานนี้ ตำรวจชุด EOD ได้ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยซุกระเบิด จอดทิ้งหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินภูเก็ต และยิงทำลายวัตถุระเบิดได้สำเร็จ พลตำรวจตรีสินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ยอมรับว่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา มีการยกระดับความเข้มการตรวจสอบพื้นที่ทั่วเกาะ ทั้งนี้เหตุการณ์ที่พบวัตถุระเบิดทั้ง 2 จุด ในภูเก็ต เชื่อมโยงกับการจับกุม […]

มทภ.2 ถวาย “พระประธาน” 20 จังหวัดอีสาน

กองทัพภาคที่สอง 26 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 2 แก้เคล็ด ถวาย “พระประธาน” 20 จังหวัดอีสาน ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย นำความผาสุกสู่ประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการตามจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ที่รับผิดชอบทั้งสิ้น 20 จังหวัดอีสานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลงพื้นที่ในแต่ละครั้งจะนำพระประธานไปถวายวัดในจังหวัดนั้นๆ จังหวัดละ 1 องค์ พล.ท.บุญสิน เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในแต่ละครั้ง นอกจากไปตรวจเยี่ยมหน่วยทหารแล้ว ยังได้มีโอกาสพบปะกับพี่น้องประชาชน ซึ่งคนทางภาคอีสานชอบเข้าวัดทำบุญ ตนจึงเห็นว่าการลงพื้นที่ในแต่ละครั้งควรที่จะทำบุญที่วัด โดยการถวายพระองค์ใหญ่หรือพระประธานให้แก่วัด “เพื่อเป็นการสร้างบุญกุศลครั้งใหญ่ เป็นการทำบุญ ที่เชื่อว่าจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคล และความเจริญรุ่งเรืองให้พี่น้องประชาชน จะได้รับอานิสงส์ผลบุญมากมาย แก่ชีวิตของทุกๆ ท่าน อีกทั้งยังช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดี สิ่งชั่วร้ายให้พ้นออกไปจากประเทศเรา และนำพาความสุขความเจริญกลับมาสู่ประเทศเรา เป็นการแก้เคล็ด หรือแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีให้ออกไป” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว สำหรับวัดที่ได้นำพระพุทธรูปขนาดใหญ่ จำนวน 20 วัด โดยเริ่มถวายมาตั้งแต่วันที่ […]

ผ่อนผันให้ชาวเขมร ผ่านด่านคลองลึกเข้าไทย ไม่เกิน 1 พันคน/วัน

สระแก้ว 26 มิ.ย.-มนุษยธรรม! ทภ.1 ยอมผ่อนผันให้ชาวเขมร เดินทางผ่านด่านคลองลึกเข้ามาในประเทศไทยได้วันละไม่เกิน 1 พันคน แต่กำหนดเวลาเปิด-ปิดด่านดังเดิม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพภาคที่ 1 โดยกองกำลังบูรพา ได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริเวณด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เรื่องให้ประชาชนชาวไทยและกัมพูชา เดินทางข้ามแดนและเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อเป็นการดูแลในเรื่องของมนุษยธรรม ให้กับพี่น้องประชาชน ระบุว่า เพื่อเป็นการอนุโลมให้กับประชาชนชาวไทย และชาวกัมพูชา ที่ต้องการเดินทาง กลับภูมิลำเนา ผ่านจุดผ่านแดนในพื้นพื้นที่จังหวัดสระแก้ว และเป็นไปตามด้านมนุษยธรรม กองกำลังบูรพา จึงกำหนดมาตรการในการดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้1.จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก1.1ประชาชนกัมพูชา ที่มีความจำเป็นสามารถเดินทางเข้ามาซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น โดยใช้หนังสือผ่านแดน Border Pass ของจังหวัดบันเตียเมียนเจย เท่านั้น (ไม่อนุญาตให้ใช้หนังสือเดินทาง Passport ในการผ่านแดน) และไม่อนุญาตให้นำยานพาหนะ ตั้งแต่รถจักรยานยนต์ฯ และรถยนต์ส่วนบุคคลฯ ทุกชนิด เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย (ยกเว้นรถจักรยาน 2 ล้อ) และให้ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ลงตราประทับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ ไม่เกิน 1 วัน ตามห้วงเวลา ดังนี้1.1.1 เวลา 08.00 […]

นายกฯ ลงพื้นที่ชายแดนอรัญประเทศ

สระแก้ว 26 มิ.ย.-นายกฯ นำคณะลงพื้นที่สระแก้ว หารือผลกระทบจากมาตรการเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นจะไปด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ตรงข้ามปอยเปต นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยจุดแรกที่เดินทางมาถึงคือโรงเรียนอรัญประเทศ เพื่อเป็นประธานในการประชุมหารือเรื่องผลกระทบจากมาตรการการกำหนดเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจะรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ทั้งการค้าขายและพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งการป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ หลังการประชุม นายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางต่อไปยังบริเวณด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ตรงข้ามเมืองปอยเปตของกัมพูชา เพื่อลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณด่านชายแดน พร้อมพบปะพูดคุยกับประชาชน ผู้ประกอบการ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่.-สำนักข่าวไทย