ผู้ว่าฯ ธปท.คาดจีดีพีปีนี้อาจต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 3.6%

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ผู้ว่าฯ ธปท. ย้ำเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่จีดีพีอาจต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 3.6% เปลี่ยนโจทย์ดำเนินนโยบายการเงินจาก ‘Smooth take off’ มาเป็น ‘Landing’ เตือนนโยบายรัฐบาลใหม่ต้องไม่กระทบเสถียรภาพ


ในงานสัมมนาวิชาการธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ “ยกระดับเศรษฐกิจเหนือ คว้าโอกาสบนโลกแห่งความท้าทาย” ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในช่วงสนทนากับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในหัวข้อ ‘ก้าวต่อไปของเศรษฐกิจการเงินไทย’ โดยระบุว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบางช่วงจะเห็นตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้บ้างประเมินตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะอยู่ที่ 3 กลางๆ ทั้งปีนี้และปีหน้า ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.6% ขณะที่ประเมินว่าตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 2/2566 ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะประกาศในเดือน ส.ค.นี้ แนวโน้มจะต่ำกว่าคาดการณ์ ส่วนหนึ่งเพราะเศรษฐกิจไทยถูกขับเคลื่อนจากการบริโภคเอกชน รวมไปถึงการท่องเที่ยว ซึ่งยังไม่เห็นภาพการเปลี่ยนแผลงอย่างมีนัยยะ สำหรับการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าเติบโตเกิน 4% ซึ่งถือเป็นระดับค่อนข้างสูง ส่วนการท่องเที่ยว ถึงแม้จีนอาจจะไม่มาเร็วอย่างที่เราคิด แต่ยังเชื่อว่าจะเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยว 29 ล้านคน ซึ่งจะช่วยพยุงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนการส่งออกไม่ค่อยดีนักจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจจีน แต่เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้น

นายเศรษฐพุฒิ ยังกล่าวถึงทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของ ธปท.ในระยะต่อไปว่าบริบท เศรษฐกิจปีนี้ แตกต่างจากปี พ.ศ. 2565 ที่เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสูงและเร็ว จนทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เริ่มขึ้นดอกเบี้ย เพื่อดูแลเงินเฟ้อ ขณะที่ปีนี้เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนโควิด คาดว่าและอัตราเงินเฟ้อระยะยาวจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย 1-3% ดังนั้น โจทย์การดำเนินนโยบายการเงินจึงต้องเปลี่ยนไปเช่นกัน โดยตอนนี้เราจะเน้นเรื่อง Landing คือ ทำอย่างไรให้การ Landing ลงให้ได้อย่างดี จากก่อนหน้านี้ที่เน้น Smooth take off นอกจากดูปัจจัยระยะสั้น เช่น เงินเฟ้อ เศรษฐกิจเติบโตเป็นอย่างไรแล้ว ต้องดูเศรษฐกิจระยะยาวด้วย โดยมี 3 เรื่องที่ต้องพิจารณา คือ 1.การเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในศักยภาพระยะยาวหรือไม่ คือ 3-4% ถ้าโตเร็วกว่านั้น จะเกิดปัญหาความร้อนแรง เพราะเศรษฐกิจเราเป็นสังคมผู้สูงวัย ไม่ได้โตเร็วเหมือนสมัยก่อน 2.เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมาย 1-3% ซึ่งเป็นระดับยั่งยืน และ 3.อัตราดอกเบี้ยต้องไม่ไปสร้างปัญหาเชิงโครงสร้างหรือความสมดุลต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90% ของจีดีพี ส่วนหนึ่งมาจากการที่เรามีดอกเบี้ยต่ำมากและนานเกินไป จึงต้องปรับดอกเบี้ยและดอกเบี้ยที่แท้จริงกลับมาสอดคล้องกับความสมดุลในระยะยาวมากขึ้น


เมื่อโจทย์การดำเนินนโยบายการเงินเปลี่ยนจาก Smooth take off มาเป็น landing แล้ว เราจึงถอด ‘ขึ้นอัตรดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นไป’ และเพิ่มคำว่า ‘optionality’ คือ จะทำอย่างนี้หรืออย่างนั้นก็ได้ ดังนั้นการประชุม กนง.คราวหน้ามีโอกาสที่จะคงหรือขึนดอกเบี้ย แต่ไม่ปรับลงแน่นอน พร้อมระบุว่า ธปท. เข้าใจว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะมีผลข้างเคียง และสร้างภาระ แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะมีผลในภาพรวม ทำให้ที่ผ่านมาจึงมีการออกมาตรการมาช่วยดูแลกลุ่มเปราะบาง ที่อาจได้รับผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นพิเศษ เช่น มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว และมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน ส่วนการส่งผ่านของธนาคารพาณิชย์ หลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ธปท. ไม่อยากให้กระทบลูกค้าของธนาคารพาณิชย์มากเกินไป เช่น รอบล่าสุดที่ขึ้น 0.25% นั้น การส่งผ่านไปสู่อัตราดอกเบี้ย MRR อยู่ที่ประมาณ 50% เท่านั้น

สำหรับสถานการณืทางการเมืองไม่แน่นอนทางการเมือง ผู้ว่าฯ ธปท. มองว่าผลกระทบไม่ค่อยมาก ซึ่งการที่ ธปท.คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตที่ระดับ 3% กว่าๆ นั้น ได้รวมเอาปัจจัยความล่าช้าของงบประมาณเข้าไปในระดับหนึ่งแล้ว โดยคาดว่างบประมาณจะล่าช้าไป 2 ไตรมาส งบรายจ่ายประจำยังสามารถดำเนินการได้ปกติ เพียงแต่งบลงทุน อาจกระทบบ้าง แต่ไม่ได้มากจนทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม จุดเสี่ยงจริง ๆ นอกเหนือจากหน้าตารัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไรแล้ว ยังมีเรื่องนโยบายที่ต้องดูว่ารัฐบาลใหม่ จะมีนโยบายอะไรออกมา

“สิ่งที่กังวลในเรื่องความเสี่ยง คือ ไม่รู้ใครจะมา รัฐบาลเป็นอย่างไร ถ้ามาแล้ว ก็ไม่อยากเห็นนโยบายรัฐบาลใหม่ที่ไปบั่นทอนเรื่องเสถียรภาพ ผมเข้าใจ รัฐบาล เรื่องการเมือง ต้องมีสไตล์รายจ่ายประชานิยม แต่ถ้าอยู่ในกรอบ ไม่มากเกินไป มีแหล่งเงินที่ชัดเจน ก็โอเค แต่ถ้ามากเกินไปจนกระทบเสถียรภาพ อันนี้น่าเป็นห่วง” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่

กทม. 19 ก.ค. – รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่ ระบุข้อมูลคดีใหม่ เป็นพระในพื้นที่ต่างจังหวัด และไม่เกี่ยวกับคดี “กอล์ฟ” พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า เพิ่งรับทราบจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับกระแสข่าวลือพาดพิงถึงพระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ซึ่งไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ข่าวลือจนสร้างความเสียหาย โดยยืนยันว่าที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีพระชั้นผู้ใหญ่มีความเกี่ยวข้องสีกาอีก แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟ เป็นพระที่มีสมณศักดิ์สูงกว่าพระในคดีกอล์ฟ แต่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีกอล์ฟ และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้หลักฐานชัดเจนก่อน ส่วนการตั้งศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระโดยเฉพาะ ขณะนี้ มีประชาชนแจ้งเบาะแสมาแล้วหลายร้อยสาย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังคัดแยกข้อมูล จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะมีเรื่องที่เกี่ยวกับกอล์ฟอีกหรือไม่.-412-สำนักข่าวไทย