กรุงเทพฯ 25 มิ.ย.- ปตท.เร่งประสานผู้ผลิตฯ ตรวจสอบเหตุแหล่งเจดีเอหยุดผลิต พร้อมจัดหาเชื้อเพลิงทดแทน ลดผลกระทบผู้ใช้พลังงาน
นายนพดล ปิ่นสุภา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากเหตุอุปกรณ์ ณ แหล่งก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย (เจดีเอ เอ-18) ชำรุด ทำให้ต้องหยุดการผลิตและจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งดังกล่าวชั่วคราวนั้น ขณะนี้ ปตท. ประสานกับผู้ผลิตฯ อย่างใกล้ชิด โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบถึงสาเหตุที่แท้จริง พร้อมเร่งแก้ปัญหาโดยจัดหาเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้าภาคใต้ รวมถึงก๊าซเอ็นจีวีในพื้นที่ และก๊าซธรรมชาติในส่วนที่ส่งมายังภาคตะวันออกด้วย
ทั้งนี้ แหล่งเจดีเอ เอ-18 มีปริมาณนำส่งก๊าซธรรมชาติตามสัญญา ประมาณ 440 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดย ปตท. นำส่งให้โรงไฟฟ้าจะนะในปริมาณ 180 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และส่งไปผลิตเป็นก๊าซเอ็นจีวีในปริมาณ 5 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ขณะนี้ ในส่วนของโรงไฟฟ้าจะนะ 1 ได้ปรับเป็นการใช้น้ำมันดีเซลเรียบร้อยแล้ว สามารถใช้ปริมาณน้ำมันสำรองในการผลิตได้ประมาณ 10 วัน โดย ปตท. พร้อมจัดหาดีเซลเพิ่มเติมให้ในระหว่างการเร่งซ่อมแซมอุปกรณ์จนกว่าจะแล้วเสร็จ ในส่วนของก๊าซธรรมชาติที่จ่ายไปยังภาคตะวันออก ซึ่งขาดหายไปประมาณ 255 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน นั้น ปตท. ได้เรียกก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่นเข้ามาชดเชยเต็มที่ รวมถึงนำก๊าซธรรมชาติเหลวมาทดแทนด้วย
สำหรับสถานีบริการเอ็นจีวีในภาคใต้ จำนวน 16 แห่ง ในพื้นที่ 5 จังหวัด ปัจจุบันมีความต้องการใช้ก๊าซฯ ในช่วงเวลาปกติเฉลี่ยอยู่ที่ 140 ตันต่อวัน ปตท. ได้จัดสรรก๊าซเอ็นจีวีจากสถานีก๊าซธรรมชาติหลักราชบุรีมาให้บริการทดแทนให้กับสถานีบริการเอ็นจีวีในจังหวัดชุมพร 2 แห่ง สามารถให้บริการได้ตามปกติ โดยสถานีบริการเอ็นจีวีในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี อีก 14 แห่ง ในระยะแรกนี้ ปตท. จะจัดสรรปริมาณก๊าซเอ็นจีวีที่มีอยู่ในพื้นที่ให้กับผู้ใช้บริการ แต่ด้วยปริมาณที่มีจำกัด ปตท. จำเป็นต้องปิดสถานีบริการจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ สน.ปตท.ทักษิณออยล์ อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี สน.อรพรรณแก๊ส อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช สน.ปตท.ขนอม 2 อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช สน.ปตท.สงขลา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สน.ปตท.สายแก้วปิโตร 1999 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ สน.ปตท.แนวท่อ อ.จะนะ จ.สงขลา ทั้งนี้ ปตท. ได้เตรียมแผนจัดสรรก๊าซเอ็นจีวีจากส่วนกลาง เพื่อรองรับการให้บริการ ณ สถานีบริการเอ็นจีวี 8 แห่ง บนเส้นทางสายหลัก
“ปตท. จะทำหน้าที่ประสานงานกับผู้ผลิตฯ และบริหารจัดการให้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนน้อยที่สุด โดยจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป พร้อมกันนี้ ใคร่ขอความร่วมมือผู้ใช้ก๊าซเอ็นจีวีในพื้นที่ภาคใต้ โปรดวางแผนการเดินทาง และผู้ใช้รถเชื้อเพลิง 2 ระบบ คือน้ำมันและก๊าซเอ็นจีวี โปรดปรับใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนในช่วงเวลานี้ โดยสามารถสอบถามข้อมูลการให้บริการได้ทาง PTT Contact Center 1365 ตลอด 24 ชั่วโมง” นายนพดล กล่าวเสริมในตอนท้าย-สำนักข่าวไทย