ครม. เร่งนำสายไฟลงใต้ดิน 

ทำเนียบฯ 30 พ.ค. – โฆษกรัฐบาลเผย ครม. ปรับแผน เร่งนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน รองรับกรุงเทพฯ “มหานครแห่งอาเซียน” 


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รับทราบรายงานผลการดําเนินการ นำสายไฟฟ้าลงสู่ใต้ดินของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ปี 2565 ครอบคลุมพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรีและสมุทรปราการ ระยะทาง 236 กิโลเมตร มีแผนดําเนินการตั้งแต่ปี 2527-2570 พื้นที่ดําเนินการแล้วเสร็จ 62 กิโลเมตร เช่น ช่วงถนนสีลม ปทุมวัน และจิตรลดา (16.2 กม.) ช่วงพหลโยธิน พญาไท และสุขุมวิท (24.4 กม.) ย่านปทุมวัน จิตรลดา พญาไท และโครงการนนทรี (14.3 กม.)

สำหรับโครงการ อยู่ระหว่างดําเนินการ 174.1 กิโลเมตร เช่น โครงการพระราม 3 อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คิดเป็นร้อยละ 80.68 จากแผนงานกําหนดร้อยละ 82.70 ถนนรัชดาภิเษก ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร กําหนดแล้วเสร็จ ปี2568 เพื่อรองรับการเป็น มหานครแห่งอาเซียน ระยะทาง  127.3 กม. อยู่ระหว่างดําเนินการ 120.2 กม. มีกําหนดแล้วเสร็จ ปี 2568 ได้แก่ พื้นที่เมืองชั้นใน พื้นที่เชื่อมโยงสถานีไฟฟ้า สายสีชมพู สายสีเหลือง สายสีน้ำเงิน  สายสีเขียวเหนือ สายสีเขียวใต้ สายสีส้ม สายสีเขียวส่วนต่อขยาย สายสีม่วง


กฟน. วางแผนการเบิกจ่ายเงินในปี 2565 วงเงิน 4,576  ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2565 ได้ เบิกจ่ายรวม 3,228 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 70.55 ของแผนการเบิกจ่าย ครม. จึงเร่งรัดดำเนินการเบิกจ่ายในส่วนที่เหลือโดยเร็วต่อไป กฟน. ยอมรับมีปัญหาและอุปสรรค เช่น พื้นที่ก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ในเมือง มีโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคเดิมเป็นจํานวนมาก ต้องแก้ไขและเปลี่ยนแปลงแบบใหม่ จึงทําให้เกิดความล่าช้า และความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจำนวนมาก  จึงต้องปรับแบบการก่อสร้างเพื่อรองรับ การจ่ายไฟฟ้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น ในอนาคต.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชนรถบรรทุก

แพทย์หญิงดับสลด ขับชนท้ายรถบรรทุก

แพทย์หญิง ขับรถพุ่งชนท้ายรถบรรทุก 6 ล้อ เสียชีวิตคาที่ บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี มุ่งหน้าสะพานตากสิน ถนนกรุงธนบุรี ตรวจสอบในรถพบซองยาแก้หวัด-คัดจมูก

แสตมป์ถูกข่มขู่

โฆษก ทบ. พร้อมให้ความเป็นธรรม​​ “แสตมป์​-​ภรรยา​”

โฆษกกองทัพบก พร้อมให้ความเป็นธรรม​​ “แสตมป์​-​ภรรยา​” ถูกนายพลข่มขู่​ ขอข้อมูลเพิ่มตรวจสอบอยู่ในประจำการหรือไม่​ ลั่น​ หากยังรับราชการถือผู้วินัยร้ายแรง​แม้เป็นเรื่องส่วนตัว​

ข่าวแนะนำ

น้ำค้างแข็งดอยอินทนนท์

ดอยอินทนนท์ น้ำค้างแข็งต่อเนื่อง อุณหภูมิยอดหญ้าติดลบ

ภาคเหนือหนาวต่อเนื่อง บริเวณกิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งขาวโพลน เป็นวันที่ 10 อุณหภูมิยอดหญ้า ติดลบ 0.4 องศาฯ

U.S. President Joe Biden and Trump shaking hands during meeting in Oval Office on November 13, 2024

“ทรัมป์” เตรียมสาบานตนรับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐวันนี้

วอชิงตัน 20 ม.ค. – นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐประกอบกิจกรรมหลายอย่างเมื่อวานนี้ ก่อนเตรียมตัวเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีช่วงเที่ยงวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น นายทรัมป์เดินทางมาถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตั้งแต่เย็นวันเสาร์ และเมื่อวานนี้เขาและนายเจดี แวนซ์ ว่าที่รองประธานาธิบดี ได้เดินทางไปร่วมพิธีวางพวงมาลาและเคารพเหล่าทหารที่เสียชีวิตในสงครามที่สุสานแห่งชาติอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย จากนั้นนายทรัมป์ได้ไปเข้าร่วมงานปราศรัยกับผู้สนับสนุนที่แคปิตอลวันอารีนา ซึ่งเป็นสนามกีฬาในร่มในกรุงวอชิงตัน นับเป็นการปราศรัยใหญ่ในกรุงวอชิงตันครั้งแรกของทรัมป์ หลังจากที่เคยปราศรัยเรียกร้องผู้สนับสนุนให้ยกขบวนไปอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 คัดค้านที่เขาพ่ายแพ้ให้แก่นายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งปี 2563 สนามกีฬาแห่งนี้ยังจะเปิดให้ผู้คนได้เข้าชมงานพิธีสาบานตนของทรัมป์ผ่านการถ่ายทอดสดทางจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายจากอิทธิพลของกระแสลมวนขั้วโลกแผ่ปกคลุมสหรัฐ ทำให้ต้องย้ายการจัดพิธีสาบานตนจากด้านหน้าอาคารรัฐสภาเข้าไปจัดด้านใน โดยมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบ ขณะที่ชาวอเมริกันจากทั่วประเทศเดินทางถึงกรุงวอชิงตันแล้วเพื่อร่วมงานที่เกี่ยวข้องกับพิธีสาบานตนของทรัมป์ หลายคนผิดหวังที่พลาดโอกาสได้ร่วมพิธีสาบานตนของทรัมป์ แต่ส่วนใหญ่เข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสภาพอากาศเลวร้าย นายทรัมป์ วัย 78 ปี จะทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในเวลาเที่ยงวันของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเที่ยงคืนวันนี้ตามเวลาไทย ตามด้วยการกล่าวปราศรัย ซึ่งจะเป็นการประกาศแนวทางสำหรับการบริหารงานเป็นเวลา 4 ปีหลังจากนี้.-815(814).-สำนักข่าวไทย

ฝุ่นPM

เตือนเฝ้าระวังค่าฝุ่น PM2.5 สูงตลอดสัปดาห์นี้

กรมควบคุมมลพิษ แจ้งเตือนแนวโน้มค่าฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดสัปดาห์ โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 22-25 ม.ค. ทั้งสาเหตุจากอากาศนิ่งและจมตัว อัตราการระบายอากาศค่อนข้างต่ำ ประกอบกับข้อมูลจุดความร้อนที่ยังพบการเผาในหลายพื้นที่ รวมถึงหมอกควันข้ามแดน