นนทบุรี 22 พ.ค.-ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าระบุดัชนีราคาผู้ผลิตไทยต่ำเป็นอันดับที่ 16 ของโลก แนะผู้ประกอบการไทยควรรีบใช้โอกาสจากการมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าหลายประเทศ เพื่อเร่งการส่งออกสินค้าและวัตถุดิบในห่วงโซ่อุปทานโลก
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศทั่วโลกส่งสัญญาณชะลอตัว ชี้แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของโลกปี 2566 มีทิศทางอยู่ในขาลงอย่างชัดเจนข้อมูลจาก trading economics ล่าสุด (8 พฤษภาคม 2566) พบว่า 21 ประเทศ จาก 78 เขตเศรษฐกิจ (รวมถึงไทย) รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index: PPI) หดตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ 59 เขตเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 10 ซึ่งเป็นผลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกที่ปรับตัวลดลงจากที่อยู่ในระดับสูงในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ อุปสงค์ของโลกที่ชะลอตัวลง และปัญหาอุปทานไม่เพียงพอมีแนวโน้มคลี่คลายลงจากปีก่อนหน้านี้ อีกทั้งอัตราการเปลี่ยนแปลงชะลอตัวลงกระจายในหลายกลุ่มสินค้า สะท้อนว่า ทิศทางการชะลอตัวของดัชนียังคงมีต่อเนื่องและการส่งผ่านต้นทุนของผู้ผลิตและผู้ประกอบการสู่ผู้บริโภคจะลดลงในระยะถัดไป ขณะที่ผู้ประกอบการไทยควรรีบใช้โอกาสจากการมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าหลายประเทศ เพื่อเร่งการส่งออกสินค้าและวัตถุดิบในห่วงโซ่อุปทานโลก
ดัชนีราคาผู้ผลิตเทียบกับปีก่อน (YoY) ในเดือนมีนาคม ไทยขยายตัวต่ำเป็นอันดับที่ 16 จาก 78 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลขในเดือนมีนาคม อยู่ที่ร้อยละ -1.7 ซึ่งอยู่ต่ำกว่าหลายเขตเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ไต้หวัน อินเดียสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และ สหราชอาณาจักร เป็นต้น และต่ำกว่าประเทศในอาเซียน ได้แก่ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ประเทศที่ดัชนีราคาผู้ผลิตลดลงต่ำกว่าไทย เช่น สิงคโปร์ รัสเซีย มาเลเซีย และจีนโดยหลายเขตเศรษฐกิจสำคัญ ดัชนีราคาผู้ผลิตต่ำสุดในรอบหลายเดือน และการชะลอตัวของดัชนีกระจายในหลายกลุ่มสินค้า เช่น 1) จีน หดตัวร้อยละ -2.5 ต่ำสุดในรอบ 33 เดือน โดยหลายหมวดสินค้าที่หดตัว ได้แก่เหมืองแร่ วัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมแปรรูป และสินค้าอุปโภค-บริโภคที่คงทน
สำหรับสินหมวดอาหาร และเครื่องนุ่งห่ม ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.0 2) สหรัฐอเมริกา ขยายตัวร้อยละ 2.7 ต่ำสุดในรอบ 26 เดือน จากการชะลอตัวทั้งในหมวดสินค้า อาหาร บริการ ค้าปลีก และการบริหารคลังสินค้าและการจัดเก็บหากไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ขยายตัวร้อยละ 3.6 ใกล้เคียงกับดัชนีในภาพรวม 3) สหภาพยุโรป ขยายตัวร้อยละ 5.9 ต่ำสุดในรอบ 24 เดือน โดยหมวดสินค้าขั้นกลาง สินค้าทุน และสินค้าอุปโภค-บริโภคที่คงทน ชะลอต่ำกว่าร้อยละ 10 ขณะที่สินค้าอุปโภค-บริโภคที่ไม่คงทน ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 13.4 และ 4) ญี่ปุ่น ขยายตัวร้อยละ 7.2 ต่ำสุดในรอบ 18 เดือน โดยหมวดปิโตรเลียมและถ่านหินไม้และไม้แปรรูป หดตัว ขณะที่หมวดเคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์ยานยนต์ ชะลอตัว อย่างไรก็ดี หมวดอาหาร เหล็ก พลาสติก และเครื่องจักรยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น เป็นต้น
สำหรับดัชนีราคาผู้ผลิตของไทย เดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ระดับ 110.1 หดตัวร้อยละ 3.4 (YoY) โดยหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ทั้งนี้ เป็นจากการลดลงของทั้ง 3 หมวดหลัก ประกอบด้วย
1) หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ -3.2 จากกลุ่มสินค้า ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กลั่นปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก และโลหะขั้นมูลฐาน จากความต้องการตลาดที่ชะลอตัว สำหรับสินค้าที่ดัชนีปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร (น้ำตาลทราย ข้าวสารเจ้า มันเส้น เนื้อสุกร ไก่สด และปลาทูน่ากระป๋อง) เนื่องจากความต้องการตลาดยังมีต่อเนื่อง ขณะที่ต้นทุนการผลิตทยอยปรับเพิ่มขึ้น กลุ่มเครื่องดื่ม และกลุ่มผลิตภัณฑ์ขณะที่ อุตสาหกรรมอื่นๆ ได้แก่ ทองคำ ในภาพรวมดัชนีค่อนข้างทรงตัวที่ 108.0 แต่ฐานที่สูงนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี2565 ทำให้ดัชนีหดตัวต่อเนื่อง 2 เดือนติดต่อกัน
2) หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง หดตัวร้อยละ -10.5 จากการหดตัวของก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และสินแร่โลหะ (สังกะสี ดีบุก เหล็ก และวุลแฟรม) สินค้าที่ดัชนีไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ ถ่านหินและลิกไนต์ ในภาพรวมดัชนีลดลงต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อกันจาก 154.6 ในเดือนกุมภาพันธ์เป็น 138.3 ในเดือนเมษายน ประกอบกับฐานที่สูงในปี2565 ทำให้ดัชนีหดตัวต่อเนื่อง 2 เดือนติดต่อกัน
3) หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง หดตัวร้อยละ -2.5 จากผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรสำคัญ ได้แก่ ผลปาล์มสด มะพร้าวผล ยางพารา และผลไม้ (ทุเรียน กล้วยหอม) ผลจากปริมาณผลผลิตเพียงพอกับอุปสงค์ สำหรับสินค้าที่ดัชนีปรับสูงขึ้น เช่น ข้าวเปลือกเจ้า อ้อย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พืชผัก ไก่มีชีวิต ไข่ไก่ ไข่เป็ด และผลิตภัณฑ์จากการประมง เป็นต้น ในภาพรวมดัชนีเคลื่อนไหวในช่วง 111.0 – 114.0 ทำให้การขยายตัวมีความไม่แน่นอนในแต่ละเดือน
ทั้งนี้ แนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิต ในช่วงที่เหลือของปี 2566 มีทิศทางลดลง โดยหมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง และหมวดอุตสาหกรรมมีแนวโน้มชะลอตัวลง ตามราคาพลังงานที่ต่ำกว่าปีก่อนค่อนข้างมาก รวมทั้งอุปสงค์โลกที่ลดลงตามสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยเฉพาะในประเทศคู่ค้าสำคัญ ประกอบกับฐานราคาปี 2565 อยู่ในระดับสูง มีส่วนทำให้ดัชนีราคาผู้ผลิตหดตัว สำหรับหมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ในช่วงไตรมาสที่ 2 มีแนวโน้มหดตัวเนื่องจากฐานที่สูงของปีก่อนหน้า ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวจากฐานที่ต่ำ
อย่างไรก็ตาม ความแปรปรวนของสภาพอากาศที่อาจส่งผลต่อปริมาณผลผลิตทางการเกษตรและประมง ต้นทุนการผลิตที่ยังคงอยู่ในระดับสูงทั้งค่าไฟฟ้า ค่าแรง และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น อุปสงค์ภายในประเทศที่ได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว และผลการเลือกตั้ง อาจส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานของสินค้าและบริการ ซึ่งจะกระทบต่อ ภาคการผลิตและดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศไทยตามลำดับ ดังนั้น ผู้ประกอบการควรติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถใช้ความได้เปรียบด้านวัตถุดิบที่มีราคาถูกสำหรับเร่งการส่งออก รวมทั้งเฝ้าระวังความเสี่ยงเพื่อการบริหารต้นทุนและการปรับราคาสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย