กรุงเทพฯ 12 พ.ค. – ปลัดกระทรวงการคลัง คาดสหรัฐไม่เบี้ยวหนี้พันธบัตร คลังหวั่นจัดทำงบปี 67 อาจล่าช้า 5-6 เดือน
กรณีปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการหารือเพื่อขยายเพดานหนี้ ระหว่างประธานาธิบดี โจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ในวันนี้ 12 พ.ค.นี้ เพราะหลายฝ่ายกังวลว่า สหรัฐอาจต้องเผชิญกับปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สหรัฐพยายามหาแนวทางในการยืดระยะเวลาชำระหนี้พันธบัตรรัฐบาล อาจต้องยอมชำระดอกเบี้ยตามกำหนดเวลา ส่วนยอดเงินต้นขอขยายเวลาออกไปก่อน นับเป็นแนวทางหลายประเทศดำเนินการ เพราะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐ ต้องหาทางรักษาความน่าเชื่อถือต่อตลาดเงิน ตลาดทุน เพื่อไม่ให้กระทบเศรษฐกิจทั่วโลกโดยรวม มองว่าสหรัฐคงไม่ยอมให้เกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรครั้งใหญ่
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า การจัดทำกรอบงบประมาณรายจ่าย ปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 3.35 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น รายจ่ายประจำ 2.490 ล้านล้านบาท รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 33,759 ล้านบาท รายจ่ายลงทุน 717,199 ล้านบาท รายจ่ายชำระคืนเงินกู้ 117,250 ล้านบาท วงเงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 593,000 ล้านบาท และคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ 19.421 ล้านล้านบาท 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒน์ ธปท. และการเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณ จากทุกกระทรวง หารือเอาไว้เบื้องต้นแล้ว
ยอมรับว่า เมื่อรัฐบาลใหม่เข้ามา รัฐมนตรีแต่ละกระทรวง คงต้องเข้ามาพิจารณาการจัดสรรงบประมาณใหม่อีกรอบ ส่วนหนึ่งเพื่อให้เกิดความรวดเร็วและต่อเนื่อง อีกด้านหนึ่งอาจต้องเดินหน้าตามนโยบายหาเสียงเอาไว้ กระทรวงการคลัง จึงคาดว่าอาจทำให้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 67 ล่าช้าออกไปอีก 5-6 เดือน และกระทบการจัดการจัดสรรงบลงทุน ยอมรับว่าในช่วงเวลาดังกล่าว อาจต้องเร่งหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาช่วยเสริมอีกรอบ เพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้ สำหรับงบประจำ เงินเดือนราชการไม่น่าเป็นห่วง เพราะเป็นการเบิกจ่ายตามแผนเดิมไปพลางก่อน .- สำนักข่าวไทย