แนะพรรคการเมือง ออกนโยบายสิ่งแวดล้อม 

นิด้า 20 เม.ย.- นักวิชาการ เรียกร้อง พรรคการเมือง  ชูนโยบายสิ่งแวดล้อม  แก้น้ำท่วม พายุ  ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เริ่มรุนแรงมากขึ้น อย่าปล่อยให้ ลูกหลาน…ตาย…ผ่อนส่ง 


นายศิวัช พงษ์เพียจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ  สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวในเวทีสัมนา “นโยบายส่ิงแวดล้อม และการจัดการภัยพิบัติ ควรมีในสนามเลือกตั้ง2566  ว่า  ภัยพิบัติทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม พายุ มีความเสี่ยงเกิดได้ในยุคปัจจุบัน รวมทั้งปัญหาฝุ่น  PM 2.5 เร่ิมรุนแรงมากขึ้น  รัฐบาลชุดใหม่ต้องเตรียมรับมือจากภัยพิบัติเหล่านี้  ยอมรับว่าปัญหาเหล่านี้ยิ่งใหญ่มาก  แต่กลับถูกกำหนดนโยบายเอาไว้บรรทัดหลังสุดของนโยบายหาเสียงของพรรคต่างๆ  

ปัญหาโลกร้อนคืบคลานเข้ามา  จากบทเรียนในอดีต น้ำท่วมใหญ่ปี 2554  ปัญหาสึนามิในจังหวัดภูเก็ต พังงา บทเรียนดังกล่าวราคาแพงมาก ต้องใช้งบประมาณเยียวยามหาศาล  และต้องสูญเสียชีวิตอีกมากมาย ในต่างประเทศเกิดเหตุแผ่นดินไหว  พายุหิมะในประเทศที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน   ดังนั้น  รัฐบาลชุดใหม่ จึงต้องมีนโยบายออกมากป้องกันและส่งเสริมการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM 2.5 มองว่าเป็นปัญหาระดับชาติที่ต้องเร่งแก้ไขและป้องกัน  


นายวีรชัย พุทธวงศ์  นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ควรผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ และควรดึงหลายหน่วยงานมาร่วมแก้ปัญหาและป้องกัน  อย่างเช่น ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดกลับถูกตีตกไปในสภา  นับว่าการเมืองไทยมีปัญหาต่อการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม  นอกจากนี้ยังต้องอาศัยความร่วมมือกับหลายหน่วยงาน มาร่วมกันป้องกันปัญหาภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ ทั้งน้ำท่วม ปัญหาฝุ่น ภัยแล้ง ล้วนเป็นเรื่องสำคัญมาก หากเกิดปัญหาจะใช้งบประมาณฟื้นฟูสูงมาก 

นายกนก วงษ์ตระหว่าน  ตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า  การเตรียมตัวรองรับปัญหาเคมีรั่วไหล เมื่อเกิดแล้วชุมชนต้องดูแลตัวเองอย่างไร จากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานย่านลาดกระบัง ชาวบ้านได้รับผลกระทบอย่างมาก  อีกทั้งปัญหาฝุ่น PM 2.5 ขณะนี้ทำให้หลายครัวเรือนทั่วโลกเสียชีวิต  6.5 หมื่นคนต่อปี นับว่ายอดเสียชีวิตหนักมาก จึงเสนอคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามนโยบายรัฐบาลให้เข้าสู่ Net Zero การฟื้นฟูชุมชนหลังเหตุภัยพิบัติต่างๆ  การตั้งกองทุน 5 หมื่นบาท – 1 แสนล้านบาท มาใช้ในการชดเชยดูแล  การตั้งเป้าหมายลดการใช้ถทานหิน และน้ำมัน ในการผลิตกระแสไฟฟ้า  กำหนดการใช้พลังงานสะอาดสัดส่วนสูงขึ้น ปฏิรูปกการผลิตอาหารใหม่ การตั้ง APEC รับซื้อคาร์บอนเครดิต การสร้างตลาดซื้อขายคาร์บอนด์ จากการส่งเสริมให้ประชาชนปลูกต้นไม้มากขึ้น 

นายปลอดประสพ  สุรัสวดี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การผลักดันร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ต้องมีกระบวนการตรวจสอบความสะอาดคุณภาพอากาศ ต้องมีพนักงานอากาศสะอาดคอยติดตามดูแล  ผู้ใดทำให้อากาศเป็นพิษอากาศเสียต้องลงโทษทางอาญา ต้องควบคุมต้นตออากาศเสีย เช่น เผาไร่ข้าวโพด สวน ต้องกำหนดโทษให้ชัดเจน ต้องนำระบบการเกษตรที่ดีมาใช้กับผู้ประกอบการในประเทศ ต้องมีมาตรการแทรกแซง หากใครทำให้เกิดผลเสียต่อส่ิงแวดล้อมการนำข้อตกลงระหว่างประเทศ ป้องกันปัญหาฝุ่นกับประเทศตามแนวชายแดน  ภาครัฐควรมีแผนลดมลพิษ ควบคุมแหล่งกำเนิดเสียงของเสีย ส่วนราชการกำกับดูแลต้องมีอำนาจควบคุม ลงโทษ เพื่อแก้ปัญหาเบร็ดเสร็จ ตั้งกองทุนขึ้นมาดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทยพร้อมผลักดันอย่างเต็มที่ 


น.ต. ศิธา ทิวารี พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า  การเกิดฝน แผ่นดินข้างล่างต้องชุ่มชื้น เมื่อความอุดมสมบูรณ์น้อยลง จึงมีฝนตกน้อยลง ปัญหาฝุ่น PM  2.5 ยอมรับว่าหนักมาก คนเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ป่วยจากระบบทางเดินหายใจ 2 ล้านคน หากรักษา 10,000 บาทต่อคน ต้องใช้เงินรักษา 20,000 ล้านบาทต่อปี  การปลูกข้าวโพดในเชียงใหม่ 5 ล้านไร่  แต่ยังมีความต้องการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ถึง 8 ล้านไร่ ทำให้เกษตรกรต้องเผาซังเข้าโพดและปลูกเพิ่มขึ้น จึงต้องหาทางดูแลการปลูกข้าวโพด ด้วยการลดปัญหาสิ่งแวดล้อม 

นายเดชรัต  สุขกำเนิด พรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกล พร้อมร่วมกับหลายพรรคการเมือง แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมภายใน 100 วันแรกที่เข้าสภา จะเร่งเสนอกฎหมาย และแนวทางแก้ปัญหา เพื่อควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตร เพราะปัจจุบันยังเผาแบบไม่เกรงกลัวกฎหมายผังเมือง  การควบคุมดูแลการลักลอบทิ้งขยะพิษจากภาคอุตสาหกรรม การลักลอบทิ้งขยะนอกพื้นที่เขตเมือง

นพ.วรงศ์ เดชกิจวิกรม พรรคไทยภักดี กล่าวว่า ต้องหาแนวทางปฏิรูปโครงสร้างพลังงานไทย ด้วยการเปิดเสรีการรับซื้อพลังงานสะอาด ทั้งพลังงานลม โซล่าเซลล์ โรงไฟฟ้าชุมชนจากพืชเกษตร อย่างเสรี  เพื่อลดการใช้น้ำมันจากฟอสซิล เนื่องจากรัฐบาลรับซื้อน้ำมันราคาแพง 9.7 บาทต่อหน่วย แต่มาขายไฟฟ้าให้ชาวบ้าน 4.7 บาทต่อหน่วย จึงทำให้ กฟผ.ขาดทุนนับแสนล้านบาท จึงต้องก้าวข้ามจากพลังงานฟอสซิลเปลี่ยนมาเป็นพืชพลังงาน เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกร และลดปัญหาฝุ่นควัน.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็น เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 13 ส.ค.- “มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็นอ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้ เชื่อยูเอ็นเข้าใจ เผยคุยมิตรประเทศ บอก พฤติกรรมเขมรวางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เร่งประชุมร่วมรัฐภาคี-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเก็บหลักฐานให้คณะทำงานดูข้อมูลจริงจากพื้นที่ ขอช่วยผลักดันเขมรร่วมวงเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ทำตามอนุสัญญาออตตาวา นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาส่งจดหมายร้องเลขาฯ UN และ UNSC อ้างไทยละเมิดอธิปไตยและข้อตกลงหยุดยิงว่า เป็นการกล่าวอ้าง ซึ่งตนยังไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจน ของกัมพูชาว่าเราละเมิดตรงไหน ในขณะที่ทางกัมพูชาเองใช้วิธีที่ไม่จริงใจต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ทำร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยั่วยุด้วยสงครามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ โอกาสในการมาฝังลูกระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีหลักฐานที่ชัดเจน ที่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามความตกลงหยุดยิงระหว่างกัน อย่างไรก็ตามการที่กัมพูชาส่งหนังสือไปถึงยูเอ็น ทางฝ่ายยูเอ็นก็ไม่ได้มีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้มีหนังสือชี้แจง เลขาธิการสหประชาชาติไปในทุกโอกาส และทุกกรณีที่มีการขัดแย้งเกิดขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของอนุสัญญาออตตาวา ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือผลักดันในเรื่องนี้ไปถึง ทูต ญี่ปุ่น ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานของรัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา 3 ฉบับและอีกหนึ่งฉบับก็กำลังจะส่งตามไป เพื่อกดดันหรือผลักดันให้รัฐภาคี ดำเนินตามมาตรการ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขอข้อมูลหลักฐาน ที่ชัดเจนซึ่งตรงนี้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพได้ร่วมมือกันอย่างดี และสนับสนุน […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย