กรุงเทพฯ 4 เม.ย.- นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรืออีอีซี เปิดเผย หลังจากได้เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ อีอีซี เป็นทางการเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ว่า พร้อมนำความรู้ความสามารถ วางแผนงานบริหารให้ อีอีซี เป็นองค์กรภาครัฐยุคใหม่ บริหารจัดการที่ดี ทันสมัย สร้างความเข้าใจให้คนไทยยอมรับ ความจำเป็นการพัฒนาพื้นที่ อีอีซี โดยกำหนดแนวทางการบริหารงาน วิสัยทัศน์ ปี 2566 – 2570 เน้นมุ่งมั่นบริหารงานให้ อีอีซี ก้าวไปสู่ “ต้นแบบการพัฒนาพื้นที่ยั่งยืน เป็นความหวังของคนไทย และเป็นเป้าหมายของนักลงทุนและประชากรนานาชาติ” ซึ่งภารกิจงานเร่งด่วน คือ ทบทวนแผนภาพรวมเพื่อการพัฒนา อีอีซี ให้สอดคล้องกับบริบทโลกในอนาคตศึกษาปัจจัยที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน เช่น ผลกระทบจากโควิด การถดถอยของเศรษฐกิจโลก การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมไปถึงแนวโน้มและทิศทางของเทรนด์อุตสาหกรรมในอนาคต เพื่อทำให้แผนภาพรวมของอีอีซีฉบับใหม่รองรับการลงทุนในอีก 5 ปีข้างหน้า สอดรับลงทุนของโลกและของประเทศไทย
สำหรับแนวทางสนับสนุนด้านการลงทุนที่สำคัญหลักเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ได้แก่ 1.เรื่องที่ดิน 2.แรงงาน 3.กฎหมายและกฎระเบียบต่าง และ 4.โลจิสติกส์ อินฟราสตรัคเจอร์ เพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุนในการประกอบกิจการ โดยอีอีซี ยังคงกำหนดเป้าหมายหลักดึงเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศ 2.2 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี (ปี 2566-2570) คาดเกิดการลงทุน 4 แสนล้านบาทต่อปี แบ่งเป็นการลงทุนในฐานปกติ 250,000 ล้านบาทต่อปี และการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพ 150,000 ล้านบาทต่อปี กระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโต 5% ต่อปี เป็นเป้าหมายเดิมที่วางไว้และจะต้องผลักดันให้เกิดผลสัมฤทธิ์
นอกจากนี้ จะผลักดันแผนงานสำคัญให้เกิดเป็นรูปธรรมให้พื้นที่อีอีซี อาทิ จัดกิจกรรมชักจูงนักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (โรดโชว์) ส่งเสริมการลงทุนในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษและกิจการพิเศษ กำหนดเขตส่งเสริมพิเศษเพื่อกิจการพิเศษเพิ่มเติม การพัฒนากำลังคนภายในของอีอีซี เพื่อสร้างให้เป็นนักขายที่มีความชำนาญเพื่อจูงใจนักลงทุนเฉพาะแต่ละอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ตรงความต้องการให้เข้าสู่พื้นที่อีอีซีต่อไป โดยอีอีซีเตรียมไปศึกษาดูงานด้านอุตสาหกรรมการแพทย์ ที่ประเทศอิตาลีภายในเดือนเมษายนนี้ .-สำนักข่าวไทย