การรถไฟฯ จัดกิจกรรม “รถไฟไทย ใครๆ ก็เที่ยวได้” ครั้งที่ 2

กรุงเทพฯ 27 มี.ค. – การรถไฟฯ ร่วมกับมูลนิธิฉะเชิงเทราเพื่อการพัฒนา และมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดกิจกรรม “รถไฟไทย ใครๆ ก็เที่ยวได้” ครั้งที่ 2 ส่งเสริมการเรียนรู้ มอบประสบการณ์และความสุขให้แก่น้องๆ โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ


การรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิฉะเชิงเทราเพื่อการพัฒนา และมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดกิจกรรม “รถไฟไทย ใครๆ ก็เที่ยวได้” ครั้งที่ 2 นำคณะครู และน้องๆ ผู้บกพร่องทางการมองเห็น จากโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ จำนวน 100 คน นั่งรถไฟ KIHA 183 เดินทางท่องเที่ยว เปิดประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่นอกห้องเรียน พร้อมกับทัศนศึกษาและรับฟังการบรรยายจากวิทยากร เกี่ยวกับเรื่องราวของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประวัติความเป็นมาของขบวนรถไฟ KIHA 183 ที่ร้อยเรียงให้ความรู้ในเรื่องของประเทศญี่ปุ่น ประวัติและข้อมูลที่สำคัญของจังหวัดฉะเชิงเทรา ทั้งในเรื่องอาหาร ศิลปะ วัฒนธรรม สถานที่สำคัญ ตลอดถึงความสำคัญของจังหวัดฉะเชิงเทราของการเป็น 1 ใน 3 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC (Eastern Economic Corridor) โดยมีนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ประธานมูลนิธิฉะเชิงเทราเพื่อการพัฒนา ดร.วรรธนะ เจริญนวรัตน์ รองประธานมูลนิธิฯ นางเสาวณี สุวรรณชีพ ประธานมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ผู้บริหารการรถไฟฯ ผู้บริหารมูลนิธิช่วยคนตาบอดฯ และมูลนิธิฉะเชิงเทราเพื่อการพัฒนา เข้าร่วมกิจกรรม

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรม “รถไฟไทย ใครๆ ก็เที่ยวได้” ครั้งที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียนแก่เด็กและเยาวชน ตามนโยบายของการรถไฟฯ ที่ต้องการให้องค์กรมีส่วนช่วยดูแลรับผิดชอบต่อสังคม และส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงการใช้บริการรถไฟได้อย่างเท่าเทียมกัน สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ได้นำคณะออกเดินทางจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) แลนด์มาร์กที่สำคัญของประเทศ ซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเรื่องราววิถีชีวิตคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มุ่งหน้าสู่จังหวัดฉะเชิงเทรา ด้วยขบวน KIHA 183 ที่การรถไฟฯ ได้รับมอบจากบริษัท JR HOKKAIDO จากประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับการบรรยายเรื่องราวการเดินทางของ KIHA 183 ที่นำมาซ่อมบำรุงและดัดแปลงจนสามารถนำออกมาให้บริการแก่ประชาชนในด้านการท่องเที่ยว และเกร็ดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของกิจการรถไฟไทย


ด้านศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ประธานมูลนิธิฉะเชิงเทราเพื่อการพัฒนา กล่าวว่า การนำคณะครู และน้องๆ ผู้บกพร่องทางการมองเห็น เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ทำให้เด็กและเยาวชนได้มีโอกาสออกไปเรียนรู้โลกกว้างด้วยการนั่งรถไฟ ทำให้ได้รับทั้งความรู้และประสบการณ์ ควบคู่กับความสนุกสนาน อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตจากโลกภายนอก และสร้างภูมิคุ้มกัน ความเชื่อมั่น การเห็นคุณค่าในตัวเอง ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ คุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชน

สำหรับจังหวัดฉะเชิงเทรา ถือมีความสำคัญเป็น 1 ใน 3 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและประวัติศาสตร์ที่น่าศึกษาเรียนรู้อีกมากมาย จึงนับเป็นโอกาสดีที่น้องๆ ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นได้มีโอกาสเดินทางสัมผัสโลกภายนอกด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการไปสักการะ “หลวงพ่อโสธร” ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร ซึ่งได้รับความเมตตาจากพระราชภาวนาพิธาน เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร และเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้โอวาทในเรื่องการดำเนินชีวิตตามหลักธรรม และประพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล

พร้อมทั้งได้ร่วมรับฟังบรรยายเกี่ยวกับวัฒนธรรมเรื่องอาหารและของหวานของดีเมืองแปดริ้ว ณ ชุมชนวัดผาณิตาราม ซึ่งเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งทางด้านวัฒนธรรม และมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องขนม อาหาร เป็นต้นกำเนิดของขนมและอาหารอร่อยหลายอย่าง รวมทั้งเรียนรู้เกี่ยวกับอาหารพื้นถิ่นในจังหวัดฉะเชิงเทรา เช่น ข้าวขาวดอกมะลิ 105 มะม่วงขายตึก ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวและมะม่วงพันธุ์พื้นเมืองที่มีต้นกำเนิดในจังหวัดฉะเชิงเทรา ปลากะพงยักษ์ สินค้าขึ้นชื่อประจำจังหวัด และฉะเชิงเทรายังเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงปลากะพงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย


นอกจากนี้น้องๆ ได้รับประทานอาหารกลางวันที่มีการใช้วัตถุดิบพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงของจังหวัดฉะเชิงเทรา อาทิ ข้าวหอมมะลิ ปลาช่อนต้มข่า กุ้งผัดยอดมะพร้าว ปลากะพงทอดน้ำปลา ไก่ห่อใบเตย ไข่ยัดไส้ แตงโมปลาแห้ง ลูกจากลอยแก้ว โดยทางมูลนิธิฉะเชิงเทราเพื่อการพัฒนา และภาคีเครือข่าย รวมถึงชุมชนวัดผาณิตาราม ได้นำมะม่วงและผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากมะม่วง ซึ่งเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัด มาให้น้องๆ ได้เรียนรู้ รับประทาน สัมผัสของจริง พร้อมทั้งรับฟังข้อมูลไปในขณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมมะม่วงที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้พัฒนาร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มะม่วงน้ำปลาหวาน ที่มีมะม่วงหลากหลายชนิดอาทิ มะม่วงขายตึก มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงแรด มาให้น้องๆ ได้ลิ้มรสรับรู้ พร้อมได้สัมผัสถึงความแตกต่าง เป็นต้น

จากนั้นออกเดินทางไปสู่มินิมูร่าห์ฟาร์ม แหล่งท่องเที่ยวเที่ยวเชิงเกษตรแห่งใหม่ประจำจังหวัด เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เด็กๆ ให้ความสนใจและชื่นชอบ เพราะมีกิจกรรมหลากหลาย ทั้งเลี้ยงอาหารสัตว์ต่างๆ เช่น กระต่าย ควาย เป็ด รอบๆ ฟาร์ม และน้องๆ ได้ลงมือทำพิซซ่าและไอศกรีมด้วยตัวเอง ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน สร้างรอยยิ้มและความประทับใจตลอดการเดินทาง

“การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทของการรถไฟฯ มูลนิธิฉะเชิงเทราเพื่อการพัฒนา และมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ที่มีความมุ่งมั่นในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชน ตลอดจนทำให้ประชาชนคนไทยทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงการใช้บริการรถไฟได้อย่างเท่าเทียม”.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สื่อเกาะติด! นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก ถกผลประชุม JBC

บ้านพิษณุโลก 16 มิ.ย.- นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก เรียกถกหน่วยงานความมั่นคง หารือผลประชุม JBC กำหนดแนวทางแก้ปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ชายแดน ท่ามกลางสื่อมวลชนเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ความเคลื่อนไหวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เช้าวันนี้ (16 มิ.ย.) ได้แจ้งเลื่อนภารกิจการให้ นางสาวสุชาตา ช่วงศรี Miss World 2025 และคณะ Miss World เข้าคาราวะ ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 10.00 น. ไปเป็นวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย. 68) โดยนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานด้านความมั่นคง ถึงกรณีผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 หรือ The Sixth Meeting of The Cambodian-Thai Joint Commission on Demarcation for […]

‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์ 5 หมายเหตุ สะท้อนปมชายแดน

16 มิ.ย.- ‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์หมายเหตุ 5 ข้อ สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจรจา JBC พร้อมตั้งคำถาม “คุยกันดีๆ แล้วทำไมต้องฟ้องศาลโลก?” พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์หมายเหตุ 5 ประเด็น สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย ขาดความตั้งใจแก้ปัญหา

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย แก้ปัญหาลดความตึงเครียด ขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคี บนพื้นฐานเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา เมื่อ 22.30 น. กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกแถลงการณ์ผลการประชุม JBC ทั้งที่เดิมนัดสื่อเเถลงวันนี้ (16 มิ.ย.) ระบุว่าการหารือมีความคืบหน้าสำคัญ 4 เรื่อง ซึ่งหลักๆ ทั้ง 4 เรื่องในคำเเถลงออกมาตรงกัน ซึ่งการรับรองผลการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 สองฝ่ายเห็นตรงกันต่อตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตถึง 45 หลัก และเห็นชอบให้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งในการเห็นชอบให้เเก้ไขแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา จัดทำขึ้นเมื่อปี 2546 (TOR 2003) ก็นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเช่นกัน ส่วนในข้อ 4 เห็นชอบให้มีการจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6 ไทยลงรายละเอียดว่า เป็นพื้นที่จากเขาสัตตะโสม จนถึงหลักเขตแดนที่ 1 ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมอบหมาย JTSC […]

อุตุฯ เผยไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส .-สำนักข่าวไทย