นนทบุรี 17 มี.ค.-รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ลุยต่อเนื่องเชื่อมโยงมะนาวจากตลาดกลางผักและผลไม้ โดยตรง นำมาจัดจำหน่ายภายในงาน พาณิชย์ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดขอนแก่นครั้งที่ 2 หวังช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน ย้ำจังหวัดไหนยังคงมีปัญหาผลผลิตขาด ราคาสูง กรมฯ จะรีบเข้าไปเชื่อมโยงทันที ปลื้มเสียงตอบรับจากผู้บริโภคที่ช่วยลดค่าครองชีพให้
นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2566 ที่ผ่านมา กรมฯ ได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น จัดโครงการ พาณิชย์ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 2 ณบริเวณที่ว่าการอำเภอน้ำพอง จ.ขอนแก่น โดยได้เชื่อมโยงผลผลิตมะนาว เบอร์ 2-3 จากตลาดศรีเมืองทอง ซึ่งเป็นตลาดกลางผักและผลไม้ในความส่งเสริมของกรมการค้าภายใน นำมาจำหน่ายในราคาส่ง เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น
นายชาญชัย ศรศรีวิชัย และพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น นายชาญยุทธ วันดี เปิดจุดจำหน่าย ซึ่งพบว่า ประชาชนและร้านอาหารเดินทางมาซื้อกันอย่างคึกคัก อีกทั้งยังได้ชื่นชมการแก้ไขปัญหาของกรมฯ ที่รีบดำเนินการเข้าไปแก้ไขปัญหาโดยใช้มาตรการเชิงรุกได้อย่างรวดเร็ว และไม่เคยมองข้ามถึงความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรและประชาชนผู้บริโภค ซึ่งที่ผ่านมา “กรมฯ ได้ประสานงานกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดอย่างใกล้ชิด หากพื้นที่ใด จังหวัดใดมีปัญหามะนาวขาดแคลน และราคาสูงขึ้น ก็จะเชื่อมโยงมะนาวจากแหล่งผลิตทั้งในจังหวัดราชบุรี จังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดพิจิตร ไปเปิดจุดจำหน่ายทันที โดยจังหวัดที่ได้มีการดำเนินการไปแล้ว ประกอบด้วย ประจวบคีรีขันธ์ พังงาลพบุรี สงขลาและภูเก็ต” นายกรนิจกล่าว
และก่อนหน้านี้ จากสถานการณ์ราคาสินค้ามะนาวมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศแปรปวน ที่หนาวและฝนตกชุก ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของมะนาว ต้นมะนาวไม่ติดดอก ผลผลิตมะนาวในแหล่งผลิตสำคัญเสียหายออกสู่ตลาดน้อย โดยราคามะนาวล่าสุดในกรุงเทพฯ ราคาเบอร์ 1 – 2 เฉลี่ยราคา 5 – 7 บ. เพิ่มจากเดือนก่อนราคา 3.9 – 4.50 บ.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จึงได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน ดำเนินการผนึกกำลังกับสมาคมตลาดกลางสินค้าเกษตรไทย ประกอบด้วย ตลาดศรีเมือง ตลาดไท และตลาดสี่มุมเมือง เชื่อมโยงผลผลิตมะนาวจากตลาดกลางออกจำหน่ายผ่านรถโมบายพาณิชย์ กว่า 100 จุด ทั่วกรุงเทพฯ ในราคาขายส่งตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.66
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบ กรมฯ ได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายให้ชัดเจน หากตรวจพบจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีไม่ติดป้ายแสดงราคาจะมีโทษ ปรับไม่เกิน10,000 บาท หรือหากมีการค้ากำไรเกินควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับโดยหากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ.-สำนักข่าวไทย